วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การบริหารความขัดแย้ง

การบริหารความขัดแย้ง

สถานการณ์ทำงานของตัวเองอยู่ในระดับผู้ปฏิบัติงานย่อมต้องมีหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชาสายงานที่ตัวเองต้องรับมาปฏิบัติงานตามคำสั่งของหัวหน้างานและต้องให้สอดคล้องกับแนวทางและนโยบายของผู้บังคับบัญชา 2 ประเด็นนี้ก็เชื่อว่าผู้ที่ปฏิบัติงานโดยทั่วไปย่อมเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หากแต่งงานที่ได้รับมอมหมายมาเป็นแนวทางที่ควรจะเป็นผู้ปฏิบัติงานอย่างเราๆ ทั่งหลายก็คงทำงานอย่ามีความสุขและถ้าไม่เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงานอย่างเราจะมีวิธีการหรือจัดการกับความขัดแย้งนี้อย่างไร
จากประเด็นตัวอย่างขอนำเสนอข้อชวนคิดให้ได้ลองสำดับข้อเท็จจริงให้ผู้สนใจได้พินิจ วิเคราะห์และได้สรุปความเห็นในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทังหมดเขียนส่งข้อคิด ความเห็นเข้ามาเพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับคนอื่นๆ ที่อาจประสบเรื่องความขัดแย้งทางความคิดได้ใช้เป็นเครื่องมือ หรือแนวทางในการทำงานต่อไป
....เริ่มจากต้นปีงบประมาณ 2552 นี้ (ต.ค.-พ.ย. 51) ตัวเองได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินกิจกรรมตามแผนการดำเนินงานและงบประมาณที่ได้รับจัดสรร โดยใช้วิธีคัดเลือกตามระเบียบพัสดุ รายละเอียดในการขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการจัดจ้างนี่เองเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ซึ่งหัวหน้าส่วนงานโดยขณะเดียวกันนั้นก็อยู่ในฐานะตำแหน่งเป็นประธานกรรมการจัดจ้าง ได้ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการร่วมงานอีก 4 คน ซึ่งก็เป็นไปตามระเบียบพัสดุ จากนั้นก็ได้เสนอขึ้นไปให้ผู้บังคับบัญชา (หัวหน้าสำนัก) ได้พิจารณาเพื่ออนุมัติ
เหตุการณ์เดียวกันเกิดในเวลาที่แตกต่างกันย่อมให้ผลที่ไม่เหมือนกันก็ได้ นโยบายเชิงป้องกันในเรื่องของความโปร่งใสตรวจสอบได้ และการควบคุมภายใน ในการแต่งตั้งกรรมการจัดจ้างที่ปรึกษา หนึ่งในนั้นจะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อเข้ามาช่วยเสนอเทคนิคการดำเนินงานให้งานมีแนวทางเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และสร้างการมีส่วนร่วมของบุคคลภายนอกซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดตัวชี้วัดของกรมฯ
ในเวลาถัดมา ผู้บังคับบัญชาจึงส่งเรื่องกลับมาขอให้คณะกรรมการมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาร่วมด้วย ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้นและให้ยึดถือเป็นนโยบายของสำนักฯ ด้วย
ใด ๆ ในโลกล้วน อนิจจัง การจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างค่อนข้างจะง่าย แต่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนนั้นยากยิ่ง
ฝ่ายหัวหน้าส่วนงานก็โต้ว่าระเบียบพัสดุข้อไหนๆก็ไม่ได้ระบุว่าจะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาร่วมด้วย เว้นแต่ว่าโครงการานี้เป็นโครงการที่นำเงินกู้มาดำเนินงาน แต่โครงการนี้ไม่ได้กู้เงินมาทำ เป็นเงินงบประมาณปกติจึงไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิแต่อย่างใด
ฝ่ายเจ้าสำนักฯ ก็โต้กลับว่าถึงแม้ไม่มีระเบียบพัสดุกำหนดไว้ก็ตาม หน่วยงานเราเป็นหน่วยงานนำร่อง มีการคบคุมภายใน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดตัวชี้วัดของกรมฯ จำเป็นต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาช่วยและมีส่วนร่วมในกรรมการจัดจ้างดังกล่าว
และแล้วเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร.....ท่านผู้อ่านได้ลำดับเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว ความคิดของท่านไม่มีผิด ท่านสามารถแบ่งปันข้อคิด ความเห็น ในเรื่องนี้ได้เพื่อให้คนอื่นๆ ใช้เป็นเครื่องมือ แนวทางในการจัดการกับปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ พวกเราจะได้ปฏิบัติงานอย่างมีความสุข

CB : Change to bester