วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องแยกผลปาล์มจากทลาย


          จากการสำรวจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปาล์มในพื้นที่ จ.กระบี่ พบว่าพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันประมาณ 1 ล้านไร่และมีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น มีโรงงานหีบน้ำมันปาล์มที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มคลัชเตอร์ในจังหวัดแล้ว 23 โรง เป็นโรงหีบปาล์มขนาดใหญ่ไม่ถึง 10 โรง ที่เหลือเป็นโรงหีบขนาดเล็ก  โรงงานขนาดใหญ่ใช้วิธีการนึ่งปาล์มแล้วหีบเพื่อให้ได้น้ำมันปาล์ม (วิธีนี้มีข้อดีคือ ใช้เลาในกระบวนการสั้นประมาณ 90 ชม. ผลปาล์มแยกออกจากทลายปาล์มสูง 70-73 % ทลายปาล์ม  พื้นที่การเก็บทลายปาล์มก่อนเข้ากระบวนการน้อย  มีข้อเสียคือจะต้องมีการจัดทำระบบจัดการน้ำเสีย) ในกลุ่มโรงงานขนาดเล็กหรือโรงวิสาหกิจและวิสาหกิจชุมชน ใช้วิธีย่างผลปาล์มแล้วหีบทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องการจัดทำระบบจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นระบบที่ใช้เงินลงทุนสูง แต่จะมีข้อเสียคือใช้พื้นที่เพื่ออบทลายปาล์มค่อนข้างมาก
ข้อเท็จจริงที่เข้าไปสำรวจพบว่าผู้ประกอบการโรงหีบปาล์มขนาดเล็กมีประสิทธิภาพในการแยกผลปาล์มออกจากทลายปาล์มต่ำ อยู่ที่ 20-23% ปาล์มทลาย (ในปาล์ม 1 ทลาย น้ำหนักผลปาล์ม 70% ของทลาย) ผลปาล์มส่วนที่เหลือติดอยู่กับทลาย ผู้ประกอบการจะนำกลับไปอบใหม่อีก 1 วัน แล้วจึงนำเข้ากระบวนการแยกผลปาล์มอีกครั้งหนึ่ง ในรอบนี้ก็ยังคงแยกออกได้ไม่หมดได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10% เมื่อรวมกับครั้งที่หนึ่งจะแยกได้อยู่ที่ประมาณ 30-33 % ก็จะเป็นลักษณะการทำงานที่ซ้ำๆ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นต์น้ำมันจะต่ำลงเนื่องจากปาล์มช้ำ และเกิด
กรดในน้ำมันสูงกว่าข้อกำหนดส่งผลต่อการถูกกดราคาขายน้ำมันปาล์ม เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีสมรรถนะความสามารถในการแยกผลปาล์มได้ประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น อันจะส่งผลต่อพืชเศรษฐกิจระดับชาติและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันเข้มแข็งยิ่งขึ้นจึงมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องแยกผลปาล์มจากทลายโดยเร็ว
 
                 เครื่องแยกผลปาล์มจากทลาย                                                                        ผ่านการแยกครั้งที่่1

ห้องประชุม Cluster ปาล์ม

                         นำเสนอแนวทางการพัฒนา                                                             นำเสนอร่าง Laout เครื่องต้นแบบ

          แนวทางการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องแยกผลปาล์มตามการจัดสรรงบประมาณโครงการ National Agricultural Processing Industry Alliance : ANAPIA ปี 2556  ที่ได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน โดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าเป็นที่ปรึกษาเข้าไปดูงานโรงหีบปาล์มขนาดเล็กรายหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม Cluster ปาล์มในจังหวัดกระบี่และเป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของ ศภ.10 ในระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา ทีมงานพร้อมที่ปรึกษาได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกลุ่ม Clusterปาล์มซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือนได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องแยกผลปาล์มจากทลายในที่ประชุมเพื่อให้สมาชิกกลุ่ม Cluster ได้พิจารณาและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการซึ่งกันและกัน ซึ่งการตอบรับในการเข้ามาครั้งนี้ดีมากผู้ประกอบการมีความหวังและให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม
ข้อสังเกตจากการระดมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากที่ประชุมในฐานะที่เข้าร่วมประชุมอยู่ด้วยจับประเด็นได้ว่าการเข้าไปของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อให้การสนับสนุนในเรื่องนี้ โรงหีบปาล์มขนาดใหญ่ค่อนข้างจะเป็นกังวนเพราะเมื่อไรก็ตามที่เครื่องแยกผลปาล์มมีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว ผลกระทบในแง่ไม่ดีจะเกิดขึ้นกับโรงหีบปาล์มขนาดใหญ่ทันที เพราะโรงหีบใหญ่ที่ใช้กระบวนการนึ่ง (มี Boiler และระบบจัดการน้ำเสีย) จะมีต้นทุนที่สูงกว่า ในทางกลับกันด้านราคาปาล์มวัตถุดิบมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น เพราะโรงหีบใหญ่และโรงหีบเล็กจะแย่งซื้อปาล์มกัน และเครื่องแยกผลปาล์มที่ได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพไปแล้วก็เป็นได้ที่จะกระจายไปตั้งอยู่ถึงลานปาล์ม เพราะลานปาล์มขายปาล์มที่แยกผลแล้ว (ปาล์มร่วง) ได้ราคาที่ดีกว่า เมื่อถึงจุดนั้นเกษตรกรสวนปาล์มจะได้รับประโยชน์ด้วยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามทีมที่ปรึกษายังคงต้องหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องแยกผลปาล์มกับกลุ่มสมาชิก Cluster ปาล์มโรงหีบขนาดเล็กต่อไปเพื่อสร้างต้นแบบเครื่องดังกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เข็มเล่มที่่ 1


เข็มเล่มที่ 1   (ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งไป)
 เพื่อสนองต่อนโยบายภาครัฐ   -  ข้อ 3.3   นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ  และ - นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก
               3.3.1 ภาคเกษตร    ( 8)  พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่าเพิ่มเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก โดยการส่งเสริมการผลิตสินค้าใหม่ที่มีกำไรสูงมีการแปรรูปอย่างครบวงจร เพื่อแสวงหามูลค่าเพิ่มสูงสุด
                 3.3.2 ภาคอุตสาหกรรม  ( 3)  พัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และมีโอกาสในการขยายตลาด
โครงการอุทยานอุตสาหกรรมอาหารแห่งประเทศไทย  (THAILAND FOOD VALLEY) ตามที่อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อ ศึกษารายละเอียดในการกำหนดพื้นที่ดำเนินการโครงการ อุทยานอุตสาหกรรมอาหารแห่งประเทศไทย (THAILAND FOOD VALLEY) ในภาพรวมของประเทศ โดยคำนึงถึงการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตการเกษตร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน และอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นกรรมการและเลขานุการ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับสาขาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป โดยได้ดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และมาตรฐาน ภายใต้โครงการ / กิจกรรมต่างๆ  การจัดทำกรอบแผนปฏิบัติการโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ระยะเวลา 6 ปี (2555-2561) รวมวงเงินงบประมาณ 849 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายคือ วิสาหกิจในโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปได้รับการส่งเสริมและพัฒนา จำนวน 4,210 กิจการ บุคลากรในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปได้รับการพัฒนาจำนวน 7,850 คน และผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรแปรรูปได้ถูกพัฒนาเพิ่มเพิ่มมูลค่า จำนวน 1,770 ผลิตภัณฑ์
         
 สพร.กสอ. ได้ดำเนิน ในปีงบประมาณ 2556 ดังนี้
                1. โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป โดย สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (สพร.) ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานกิจกรรม
                    1.1 การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป
                              - สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร 90 กิจการ
                                     - ให้คำปรึกษาแนะนำด้านเทคนิคและการจัดการ  100 กิจการ
                                      - สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ 120 กิจการ / 120 ผลิตภัณฑ์
                      1.2 การสร้างความร่วมมือแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
                              - อบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตการเกษตรขั้นต้นให้ผู้ประกอบการในชุมชน 300 คน
                                     - พัฒนาเครื่องต้นแบบแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 5 ต้นแบบ
                                     - อบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องต้นแบบ 250 คน
                     1.3 การพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมการเกษตร
                             -    เสริมสร้างและพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปให้มีความรู้ด้านรับรองระบบมาตรฐานสากล 300 คน
                     1.4 กิจกรรมสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เช่น จัดทำฐานข้อมูลงานวิจัยกิจกรรมเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป และการศึกษาแนวโน้มการเชื่อมโยงธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน +6