วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

งาน Shandong (China)-Thailand Investment Promotion and Matchmaking Forum

สรุปเนื้อหางาน Shandong (China)-Thailand Investment Promotion and Matchmaking Forum  25 November 2014  ณ  MSC Hall, Ramada Plaza Bangkok Menam Riverside Hotel ในครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 4  โดยสมาคมการค้าและการลงทุนเอเซียน-สากลและสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน CPPCC. Shandong Provincial Committee, CCPIT  Shandong Sub-council และ CCPIT Zibo Committee  นำคณะนักธุรกิจจากมณฑลซานตง    กว่า 50 คน จากอุตสาหกรรม สาขายางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยาง เซรามิก และกระเบื้อง เครื่องจักรกล ผักและผลไม้ เข้าร่วมงานครั้งนี้ซึ่งมีนักธุรกิจไทยและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานกว่า 200 คน โดยงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ โดย MR. Chen Guang  รองประธานสมาคมการค้ามณฑลซานตง  เพื่อให้ข้อมูลในการแสวงหาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่าง สมาคมการค้าการลงทุนเอเซียน-สากล (ไทย) และสมาคมการค้ามณฑลซานตง (จีน) โดยรวมแล้วเป็นการให้ข้อมูลการค้าการลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง ทั้งนี้ MR. Chen Guang  ผู้แทนสมาคมการค้ามณฑลซานตง ได้ให้ข้อมูลว่า มณฑลซาตง มีประชากรกว่า 97 ล้านคน  GDP โตขึ้น 8.82% มูลค่าสูงถึง 91 แสนล้านสหรัฐ ซึ่งมี เมืองชิงเต่า  เป็นเมืองเอกด้านอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากยาง และเมืองกว่างเหยา เป็นเมืองเอกด้านการผลิตยางล้อรถยนต์ ปีละ 150 ล้านเส้น มูลค่ากว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  MR. Chen Guang  ได้แนะนำให้นักธุรกิจเข้าไปทำการค้าการลงทุนในประเทศไทยเนื่องจาก นักธุรกิจจีนมีความพร้อมทางด้านเงินทุน มีเทคโนโลยีและมีประสบการในการบริหาร ส่วนประเทศไทยมีข้อดีและความได้เปรียบหลายอย่าง เช่นแหล่งทำเลเป็นศูนย์กลางในอาเซียน  ไทยมีการตลาดและกลไกการประสานงานที่ดี  ด้านทรัพยากรมีความได้เปรียบทางการแปรรูป เช่นยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง และไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมดี เปิดกว้างไม่กีดกันคนอื่น และมีอารยธรรมมนุษย์ดี อีกทั้งจะได้รับการส่งเสริมและใช้สิทธิพิเศษต่างๆ และยอมรับว่าจะส่งเสริมผลักดันให้เพิ่มการลงทุนการค้าให้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนผลิตยางล้อรถในไทยได้จัดตั้ง บริษัท หลิงหลงคาย จำกัด  นักธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนต้องเข้ามาอย่างถูกทาง ถูกต้องด้วย
MR. Xiam Jing Liang  ประธานสมาคมการค้าการลงทุนเมือง กว่างเหยา ซึ่งเป็นเมืองด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ยางพาราผลิตล้อยาง อันดับ 1 ของประทศจีน ได้กล่าวเชิญชวนนักธุรกิจจีนและให้คำมั่น 3 ข้อในการจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือทางการค้าการลงทุนกับไทยให้มากยิ่งขึ้น
-จะผลักดันให้นักธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรมยางพาราของเมือง กว่างเหยา โดยคัดเลือกมาอย่างน้อย 8 ธุรกิจจะส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่นเดียวกับ 25 ธุรกิจที่ไปลงทุนในประเทศ ลาว  มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย
-จะผลัดดันให้ซื้อยางพาราจากประเทศไทยให้มากขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้ยางพาราของเมืองกว่างเหยาใช้อยู่ประมาณ 1 ล้านตัน และในจำนวนนั้นมีครึ่งหนึ่งนำเข้าจากประเทศไทย
-ขอเชิญชวนให้นักธุรกิจไทยเข้าร่วมงาน Expo ช่วงเดือน พฤษภาคม 2558 ด้วย
ในส่วนของสมาคมการค้าและการลงทุนเอเซียน-สากล  โดยสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ให้ข้อมูลเนื้อหาดังนี้
 -นางอัชรีน  พณพงษ์ชัย รองเลขาฯ BOI ได้ให้ข้อมูลสำหรับการส่งเสริมว่า ประเทศไทยมีการจัดโซนอุตสาหกรรม 3 โซน คือ โซนกรุงเทพฯ ปริมณฑล  โซนจังหวัดในภาคเหนือ-ตะวันออก-ใต้ และโซนจังหวัดติดชายแดนเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังมีสำนักงาน BOI ในประเทศจีนอีก 3 แห่ง อยู่ที่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ และกวางโจว  หากต้องการขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ 3 สาขาโดยตรง   สำหรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่จะเน้นไปที่เพิ่มมูลค่าการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยจะส่งเสริมครอบคลุมหลายด้าน อาทิเช่น ด้านการเงิน ลงทุนได้อย่างอิสระ  การถือคลองที่ดิน สำหรับธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ถือครองได้ไม่จำกัดเวลา เมื่อย้ายฐานการผลิตหรือเลิกธุรกิจต้องขายหรือเปลี่ยนผู้ถือครองใหม่   การนำเข้า-ส่งออก ไม่จำกัดและไม่กำหนดอัตราส่วนวัตถุดิบท้องถิ่นที่ใช้สิทธิพิเศษ ด้านภาษีรายได้เป็นร้อยละ 0 (ภาษีรายได้เป็นศูนย์) ใน 8 ปีแรก และจ่ายภาษีรายได้ครึ่งหนึ่งใน 5 ปี หลังจาก 8 ปีแรก
-ผู้แทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (Industrial Estate Authority of Thailand : IEAT) ได้ให้ข้อมูลกับนักธุรกิจว่าประเทศไทยมีนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐและภาคเอกชนรวมกันมีอยู่ 56 แห่ง กระจายอยู่ตามโซนต่างๆ เนื่องจากการผลิตยางพาราของไทย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ไทยมีการผลิตยางพาราเพิ่มขึ้นทุกปี ถึงปีปัจจุบัน ค.ศ. 2014  คาดว่าผลผลิตยางพาราของโลกจะอยู่ที่ 12.257 ล้านตัน และประเทศไทยผลิตได้ 4.2 ล้านตัน ซึ่งถือว่าผลิตเป็นที่ 1 ของโลก และเร็วๆ นี้จะจัดตั้ง Rubber City บนเนื้อที่ 1.22 ล้านตารางเมตร ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งห่างจากชายแดนมาเลเซียใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่งโมง ภายในนิคมมีบริษัทที่ผลิตวัสดุก่อสร้างจากยาง และบริษัท มิชลิน จำกัด ผู้ผลิตล้อรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย เป็นต้น  และภายในปี ค.ศ. 2017 จะมีศูนย์วิจัย ศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ อยู่ใน Rubber City และสามารถให้บริการสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมยางขั้นกลาง และขั้นปลาย  ทั้งนี้นิคมอุตสาหกรรมยางจะได้รับการให้สิทธิพิเศษ ด้านการนำเข้า-ส่งออก เครื่องจักร  การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน  การทำธุรกรรมการเงิน  คนและแรงงานเป็นกรณีพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้
ส่วนที่ 2 เป็นกิจกรรมเปิดโต๊ะเพื่อสร้างบรรยากาศความร่วมมือทางการค้า การลงทุน แสวงหาคู่การค้า หุ้นส่วนการการ และพันธมิตร ระหว่างนักธุรกิจจีน –ไทย มีโต๊ะนักธุรกิจเข้าร่วมฝ่ายไทย 60 รายและฝ่ายจีน 50 ราย

ข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างบรรยากาศความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่าง สมาคมการค้าการลงทุน  เอเซียน-สากล (ไทย) และสมาคมการค้ามณฑลซานตง (จีน) โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง เห็นสมควรที่จะผลักดันให้ สย.กพข. 2 กสอ. จัดพาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพาราเข้าร่วมงาน Expo ในครั้งต่อไป