โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง
กระทรวงอุตสาหกรรม
-------------------------------------------------
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ
โดยในปี 2556 ไทยผลิตยางพาราได้ 4.17 ล้านตัน ปริมาณการผลิตยางพาราในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยอัตราการเติบโตของปริมาณการผลิตยางพาราเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการเติบโตของปริมาณความต้องการใช้
ซึ่งปริมาณการผลิตและปริมาณการใช้ยางพาราที่ไม่สมดุลกันนี้ ส่งผลให้ราคายางพาราในตลาดโลกรวมถึงราคายางในประเทศลดลง
และมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2554 จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 2555
รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
โดยรับซื้อยางจากเกษตรกร แต่ปริมาณยางที่รับซื้อยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับอุปทานทั้งหมดในประเทศ
จึงไม่สามารถพยุงราคาให้สูงขึ้นได้ ดังนั้น
จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพิจารณาหาแนวทางใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางตกต่ำและผันผวนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ ซึ่งการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางขั้นปลาย
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในประเทศ
เป็นแนวทางหนึ่งที่จะรองรับปริมาณผลผลิตยางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ยางพาราในตลาด ซึ่งจะส่งผลให้ราคายางลดความผันผวนและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราตามแนวทางการพัฒนายางทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำอย่างเร่งด่วน วิธีการหนึ่ง
คือ การดึงยางพาราส่วนเกินออกจากระบบ ในช่วงที่ผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดมากที่สุด
คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557–เมษายน 2558 ดังนั้น
การสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถซื้อยางพาราส่วนเกินออกจากตลาด
เพื่อเพิ่มการแปรรูปยางเก็บในสต็อค หรือเพื่อการส่งออก จะเป็นการลดปริมาณยางในตลาด
ซึ่งจะส่งผลให้ราคายางในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น
และทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
วัตถุประสงค์ของโครงการ
สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน
วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น
ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อยางส่วนเกินออกจากระบบ ในช่วงต้นฤดูที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (เดือนพฤศจิกายน 2557 – เมษายน 2558)
เป้าหมายขอบเขตโครงการ
ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น
วิธีดำเนินการ
- ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้นที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ
ยื่นขอรับการสนับสนุนสินเชื่อที่กระทรวงอุตสาหกรรม
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมคำขอ ส่งให้ธนาคารที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อต่อไป - ธนาคารที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อ
พิจารณาคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการและพิจารณาการให้สินเชื่อตามระเบียบของธนาคาร
รายละเอียดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้สินเชื่อ
มีดังนี้
1 คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
(1) ต้องเป็นผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น
(2) ต้องเป็นผู้ประกอบการซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยและมีผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยมากกว่า 50% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว
2
ประเภทสินเชื่อ
ประเภทเงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน
1 ปี อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
3 อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย
ผู้กู้จะชำระดอกเบี้ยเท่ากับอัตรา 2 % โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ธนาคาร
3 % ตลอดอายุโครงการ
4 ระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้
ระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ ไม่เกิน 1 ปี
นับจากวันทำสัญญา โดยผู้กู้จะต้องชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
5 หลักประกันสินเชื่อ
(1)สต๊อคสินค้า/ที่ดิน/อาคาร/สำนักงาน/เครื่องจักร โดยการประเมินสินทรัพย์ การกำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน
(Loan to Value: LTV) เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
(2)ผู้กู้สามารถใช้หนังสือค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) เป็นหลักประกันเสริมได้
6 เงื่อนไขอื่นๆ
(1)ให้ผู้กู้ต้องทำประกันภัยสต๊อคสินค้ายางพารา
หรือตามที่ธนาคารที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อกำหนด
(2)การพิจารณาสินเชื่อให้เป็นไปตามระเบียบของธนาคารที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อ
ระยะเวลาการดำเนินการของโครงการ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 6 เดือน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
หรือภายในกรอบวงเงินตามที่กำหนด คือ 10,000 ล้านบาท และจะดำเนินการจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาหากกรอบการใช้เงินไม่เกินวงเงิน
สาระสำคัญ
1
เป็นสินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2557
เพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการน้ำยางข้นสำหรับรับซื้อยางส่วนเกินในฤดูที่ยางออกสู่ตลาดมากระหว่างเดือนพฤศจิกายน
2557-เมษายน 2558 โดยธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อ
2 ผู้กู้จะชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ
๓ ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม
2557 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ใช้สภาพคล่องของธนาคารฯ จ่ายชดเชยชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้กู้เป็นรายเดือนไปก่อน
และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2559 เพื่อชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3
ตามรายจ่ายจริงภายในกรอบวงเงิน 300 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดโครงการ
3 หลักการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยกำหนดให้มีการตรวจสต็อกน้ำยางข้นของผู้ประกอบการ
โดยสต็อกน้ำยางข้นต้องสอดคล้องกับวงเงินที่เบิกจ่ายจากธนาคาร (outstanding balance)
4 ธนาคารพาณิชย์ที่สนับสนุนสินเชื่อภายใต้โครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย
จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี
ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์
(ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารเอชเอสบีซี
ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารอื่น ๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นสมควร
5
ด้วยมติคณะรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับงบประมาณและการบริหารงบประมาณในการดำเนินการ
ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มเติม/ทบทวนมติ
เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนโครงการได้ 2 ครั้ง
และคณะรัฐมนตรีมีมติตามลำดับคือ
-
มติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557
-
มติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557
6 วันที่ 20 มกราคม 2558 คณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติให้ธนาคาร (1)
เข้าร่วมโครงการฯ (2)
ทดรองจ่ายดอกเบี้ยชดเชยแก่ผู้ประกอบการ
และ (3) ตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2559
เพื่อชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ตามรายจ่ายจริงภายในกรอบวงเงิน 300 ล้านบาท
เมื่อสิ้นสุดโครงการ
ที่มา
:
ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2367 8185
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2367 8185