วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แนวทางการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทย มองใกลไปอีก 20 ปี โจทย์ก็คือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางและการแปรรููปยางให้เพิ่มจาก ร้อยละ 13 ขึ้นไป โดยใช้การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบ 4 G เข้ามาใช้ แนวทางนี้จะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แน่นอน

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

การพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน


การประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “การพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน”   
 โดยมี   ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ : นางนุชนารถ  กังพิสดาร (ข้าราชการบำนาญ  อดีตผู้ 
             เชี่ยวชาญกรมวิชาการเกษตร )   
             ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ โดยนายสุเทพ  เตชานุรักษ์  (รองนายกสมาคมน้ำยางข้นไทย)  
             ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ โดยนายบุญหาร  อู่อุดมยิ่ง (ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)  
             และ ดร. วีรศักดิ์  สมิทธิพงศ์  เป็นผู้ดำเนินการประชุมสรุปการพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้
       กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ ตั้งโจทย์การวิจัยในเรื่องการลดต้นทุน (เรื่องพันธุ์   ปุ๋ย  พื้นที่ปลูก)  เรื่องวัสดุปลูก   เรื่องโรคทางราก  เรื่องการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและการพัฒนาพืชแซมยาง)
      กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้ตั้งโจทย์วิจัยในเรื่อง การพัฒนายุทธศาสตร์น้ำยางพารา   เรื่องอุตสาหกรรมสีเขียว/ลดสารเคมี   เรื่องสารสกัดจากธรรมชาติที่นำมาแทนที่สาร TMTD  และเรื่องยางธรรมชาติลดความหนาแน่น
      กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำได้วางแนวทางไว้เป็น 3 เรื่องหลัก คือ  1. Productivity and Economy   2. Green Industry,  Safety, Standard, Regulation และ 3.เรื่องเกี่ยวกับระบบ Automation และ Change   โดยมีโจทย์วิจัยที่สำคัญ เช่น การทำยางผสมสำเร็จรูป (Master Batch)  การวิจัยด้าน  Automation เพื่อช่วยกระบวนการผลิต   การทำยางล้อฝัง Ship  และพัฒนาล้อยางมาตรฐาน R117  (ยางล้อตามมาตรฐานยุโรป ที่กำหนดความฝืด  เสียงที่สัมผัส และการยึดเกาะถนน)  นอกจากนั้นยังได้วางโจทย์ให้ยางล้อที่ผลิตโดยคนไทยใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดและผ่านมาตรฐาน R117 ด้วย

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

การอภิปรายเรื่อง “การวิจัยและการต่อยอดงานวิจัยยางพาราเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันด้านอุปทานสูง”  โดยมีผู้ร่วมอภิปราย กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ     นายอุทัย  สอนหลักทรัพย์ (ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย)   กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ  นายสมจิตต์  ศิขรินมาศ  (ผอ. ตลาดกลางยางพารา จ. สุราษฎร์ธานี)  และกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ  ผศ.ดร. กฤษฎา  สุชีวะ (มหาวิทยาลัยมหิดล)   โดยมีนายสมมาต  แสงประดับ  เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย สรุปได้ดังนี้
        กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ นำเสนอโจทย์งานวิจัยต้องการให้เกิดศูนย์ต้นแบบแปรรูปยางพาราในวิสาหกิจชุมชน  ต้องการการศึกษาและวิจัยโดยวางโจทย์การวิจัยการตลาดให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและราษฎร
        กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ อภิปรายเน้นในเรื่องของการตอบโจทย์ข้อมูลเชิงสำรวจ  พื้นที่การปลูก  ต้นทุนการผลิต  ปริมาณการผลิต  โดยใช้ข้อมูลเพื่อบูรณาการร่วมกันวางแผนในอนาคต และอภิปรายการวิจัยเชิงสำรวจปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เพื่อให้การออกนโยบายภาครัฐมีผลการวิจัยรองรับ
        กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ ได้อภิปรายให้โจทย์เพื่อมุ่งเป้าการวิจัยในมิติการผลิตผลิตภัณฑ์ยางที่มีความสัมพันธ์กับเวลาและการตลาด เน้นการวิจัยจะให้เกิดผลต้องให้เอกชนและนักวิจัยทำงานร่วมกัน

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

การศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยรวมถึงประเทศคู่แข่งตลอดถึงสถานการณ์การแข่งขันทางด้านอุปทานสูง

การประชุมระดมความคิดเพื่อสัมฤทธิ์ผลในการต่อยอดงานวิจัยยางพารา      
        และการใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การแข่งขันด้านอุปทานสูง เรื่องสรุปผลการศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยรวมถึงประเทศคู่แข่งตลอดถึงสถานการณ์การแข่งขันทางด้านอุปทานสูง
         กลไกพื้นฐานราคายางและแนวโน้มราคาภายใต้สถานการณ์อุปทานส่วนเกิน โดยสถานการณ์ยางพาราโลก ในช่วงปี พ.ศ. 2537-2558 มีความผันผวนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อราคายางพารา เช่น การปรับค่าเงินบาทเมื่อ 2 ก.ค. 40  การล้มเลิก INTRO เมื่อ 13 ต.ค. 2542   การตั้ง TRC เมื่อ 12 ธ.ค. 2544   การยกเลิกโครงการแทรกแซงราคายาง เมื่อ 5 ธ.ค. 2545   การตั้ง IRCo  เมื่อ 28 เม.ย. 2547    ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 53.04 U$$/บาร์เรล     เมื่อ 5 เม.ย. 2548   และโครงการมูลภัณฑ์กันชน ก.ย. 2557-มี.ค. 2558
         การผลิตและการใช้ยาง NR (Natural Rubber) กับ SR (Synthetic Rubber) และ สต็อกยางพารา การวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทย ได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมยาง โดยวิเคราะห์อุุตสาหกรรมยางต้นน้ำ ในเรื่องของพันธุ์ยาง RRTI 251 (2542)   RRTI 408 (2555)   ระบบการตรวจรับรองพันธุ์ยาง   วัสดุปลูก   ระบบการกรีด   การใช้วิธีเจาะยางกับยางอายุก่อนโค่นและการปลูกพืชแซมยาง   วิเคราะห์อุตสาหกรรมยางกลางน้ำ  เรื่องระบบการตรวจรับรองคุณภาพยางแผ่นรมควันของสถาบันเกษตรกรและเอกชน  เรื่องการพัฒนาระบบการตลาด เช่นตลาดต่างประเทศ ให้กลุ่มเกษตรกร-เอกชน ต้องมีมาตรฐานยางแผ่นรมควันตามมาตรฐาน GMP ภายในปี พ.ศ. 2545  จึงจะส่งออกได้  ตลาดในประเทศ  เสนอให้เร่งสร้างเครือข่ายตลาดกลางยางพาราเพิ่มจากตลาดกลางหาดใหญ่ อีก 6 ตลาด ทั้งในพื้นที่ภาคใต้  ภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ  เรื่องโรงอบแห้งยางดิบ และเรื่องระบบไมโครคอนโทรเลอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำยางสดและเปอร์เซ็นต์ความชื้นในยางแผ่นและยางแท่ง และวิเคราะห์อุตสาหกรรมยางปลายน้ำ ในเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่นยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ไออาร์พีซี POLIMAXX GREEN ABS  ยางธรรมชาติไบโอพลาสติก PLA  ยางธรรมชาติคุณสมบัติพิเศษ (ทดแทนยางสังเคราะห์) ทนร้อน น้ำมัน สิ่งแวดล้อม Nano Technology  น้ำยางโปรตีนต่ำและ non-rubber  ในเรื่องผลิตภัณฑ์เดิม ได้แก่  ยางล้อ Bias-Radial-ประหยัดพลังงาน   ถุงมือยางซึ่งประเทศไทยเน้นการผลิตถุงมือตรวจโรค (ถุงมือราคาถูก) คู่แข่งประเทศมาเลเซียผลิตถุงมือผ่าตัด (ถุงมือราคาแพง)  เส้นด้ายยางยืดซึ่งประเทศไทยผลิตได้เป็นอันดับ 1  ถุงยางอนามัยซึ่งผลิตได้เป็นอันดับ 1 (เป็นบริษัทจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย) นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ยางใช้งานในเชิงวิศวกรรม/อุตสาหกรรม เช่น ท่อยาง/สายยาง สายพานยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรองคอสะพาน ยางกันกระแทก ยางกันแผ่นดินไหว ยางผสมยางมะตอย ยางรองรางรถไฟ ยางปูบ่อ ฝายยาง ฯลฯ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)

การประชุม “การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ – 16.00 น.  ณ ห้องพาโนรามา 2  ชั้น 14  โรงแรมดิเอมเมอรัล  ถนนรัชดา กรุงเทพฯ  สรุปสาระสำคัญของการสัมมนาได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ จัดโดยสำนักประสานงานชุดโครงการยางพารา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคอุตสาหกรรม นักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณานำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์หรือวิจัยต่อยอดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์   ประกอบด้วยนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมยางพาราจากภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
2. การประชุมครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 ช่วง สามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “พอลิเมอร์จากยางธรรมชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทางเภสัชกรรม”  โดย ผศ.ดร.ภก. วิวัฒน์  พิชญากร สรุปได้ดังนี้
                  • การเตรียมระบบซูโดลาเท็กซ์จากยางแท่ง (STR5L) เพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาแนวคิดเป็นความพยายามเปลี่ยนวัตถุดิบยางแท่งหรือแห้งที่มีอยู่ท้องตลาดทั่งไปกลับมาสู่รูปแบบน้ำยางอีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งระบบนำส่งยาที่ใช้ทางผิวหนัง ซึ่งมีกระบวนการทำงานวิจัยตั้งแต่การเตรียมเป็นระบบซูโดลาเท็กซ์ ซึ่งใช้ระบบออกานิกโซเว้นมาช่วยและกระจายตัวในน้ำอีกครั้งหนึ่ง และศึกษาพารามิเตอร์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อคุณสมบัติของระบบซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นได้ และได้ทดลองบรรจุยาหลายๆ ชนิดเข้าไปเพื่อดูว่าซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นมาเหมาะสมกับยาชนิดไหนบ้าง ซึ่งผลงานวิจัยพบว่าเหมาะสมกับยาบางชนิดเท่านั้น เช่น Indomethacin (ยาต้านอาการอักเสบ), Lidocaine (ยาชา) ผลงานนี้ได้นำเสนอในเวทีการประชุมวิชาการนานาชาติแล้ว 3 ครั้ง และได้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นวิชาการด้วย
2.2 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาหุ่นจำลองทางรังสีรักษาสำหรับฝึกทักษะการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง”  โดย ดร.นันทวัฒน์  อู่ดี (ภาควิชารังสีเทคนิค  คณะสหเวชศาสตร์  มหาวิทยาลัยนเรศวร)
การพัฒนาหุ่นจำลองทรวงอกสำหรับฝึกทักษะวางแผนการรักษามะเร็งเต้านมทางรังสีรักษาและการพัฒนาหุ่นจำลองอุ้งเชิงกรานของการฉายรังสีระยะใกล้สำหรับมะเร็งปากมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยสำหรับฝึกทักษะการรักษาให้นิสิต/นักศึกษารังสีเทคนิค แพทย์ พยาบาล ใช้ประเมินค่าปริมาณรังสีก่อนการรักษาจริงในผู้ป่วย  ตรวจสอบปริมาณรังสีก่อนการรักษาผู้ป่วยจริง และลดการสูญเสียจากการให้ปริมาณรังสีที่ผิดพลาด โดยใช้หุ่นจำลองแทนคนไข้ ในช่วงแรกจะใช้หุ่นจำลองเพื่อฝึกทักษะในการปฏิบัติงานจริงแทนผู้ป่วยและประเมินว่าผู้ป่วนได้รับปริมาณรังสีเท่าไรจากการฝึกปฏิบัติฉายรังสีในตำแหน่งนั้น  ช่วงต่อไปจะสร้างหุ่นจำลองเลียนแบบองค์ประกอบภายในของยางพาราเช่นความหนาแน่นให้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากที่สุดเพื่อการวางแผนการรักษาโดยให้ปริมาณรังสีการรักษาที่ถูกต้อง ณ.จุดที่ทำการรักษาด้วยหุ่นยางพาราจำลองและประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบเคียงกับมนุษย์จริง การสร้างหุ่นจำลองเพื่อใช้ทางการแพทย์เป็นแนวโน้มที่พัฒนาหุ่นขึ้นใช้ประโยชน์อย่างมากและขยายการใช้งานไปทั่วประเทศ
2.3 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง”  โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์            คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง เป็นการติดตาม/ควบคุมการวัลคาไนซ์ของยางในระหว่างการอัดเบ้าประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ (cost/robustness) ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นสร้างระบบหรือเครื่องมือวัดที่สามารถติดตามวัดข้อมูลจากเบ้าที่ได้  ส่งข้อมูลไปควบคุมได้  และวัดข้อมูลระหว่างกระบวนการอัดเบ้าได้(Real time data in processes) ซึ่งใช้ในภาคอุตสาหกรรมยางพาราได้และถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับระบบการวัดค่าตัวแปรระหว่างกระบวนการวับคาไนซ์ (เป็นกระบวนการเชื่อมโยงโมเลกุลยางแต่ละโมเลกุลผ่านพันธะโควาเลนต์ให้เกิดเป็นโครงสร้างตาข่าย) ซึ่งการทำงานวิจัยมีข้อจำกัดในการวัดค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานเนื่องจากต้องตัด หรือสุ่มตัวอย่างจากชิ้นงานเพื่อนำมาเข้าเครื่องวัดหาคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานมีความแตกต่างของสภาวะของเบ้าจริงและเครื่อง ODR/MDR  ความแปรปรวนของยางในแต่ละแบช หรือ ในแต่ละตำแหน่งในแบชเดียวกัน  ความแปรปรวนของสภาวะของเบ้าจริง เช่น อุณหภูมิเบ้า การถ่ายเทความร้อนจากเบ้าสู่ยาง ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยางจึงมีโอกาสสูงสามารถต่อยอดเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้
2.4 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “โครงการพัฒนายางธรรมชาติให้มีความหนืดมูนนี่ต่ำและคงที่ปริมาณไนโตรเจนและปริมาณเจลต่ำในระดับอุตสาหกรรม”  โดย ผศ.ดร.อรสา  ภัทรไพบูลย์ชัย (สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ฯ  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)
การทำวิจัย เพื่อศึกษาหาวิธีผลิตยางธรรมชาติให้ได้สมบัติตามข้อกำหนดของยางแท่งเกรดใหม่ (LoV) ในมาตรฐานยางแท่งไอเอสโอ (ISO 2000 – Guidelines for the specification of technically specified rubber (TSR)) ในระดับอุตสาหกรรม  ซึ่งมาตรฐานยางแท่ง (LoV) คุณสมบัติของยางคือ  ความหนืดมูนนี่ , ML 1+4 (100  องศาC    55±10    ปริมาณไนโตรเจน ร้อยละไม่เกิน 0.3  ปริมาณเจลต่ำ ร้อยละไม่เกิน 4.0  ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8  จากการศึกษาและเตรียมยางทดลองผลการดำเนินการที่ได้  พบว่าปริมาณไนโตรเจน ไม่เกินร้อยละ 0.3   ปริมาณเจล ไม่เกินร้อยละ 4.0  ความหนืดมูนนี่ ML 1+4 (100  องศาC ) = 55±10    ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05   ปริมาณเถ้า ร้อยละ 0.5  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8   ซึ่งปริมาณเจล(ไนโตรเจนรูปหนึ่ง)เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสี กลิ่น  และพลังงานที่ใช้ในการผสมยางคอมเปานด์ต่ำ (ลดพลังงานในการผสมยางได้มาก)ยางคุณภาพพิเศษมีปริมาณเจลที่ต่ำ ซึ่งปริมาณเจลที่ต่ำจะมีข้อดีในเรื่อง  ความหนืดคงที่   พลังงานในการผสมต่ำ   อัตราการวัลคาไนซ์เร็ว   % Elongation at break สูง   heat build up ต่ำ    % Compression set ต่ำา   ความต้านทานต่อการขยายรอยแตกดีกว่า กล่าวคือเกิดรอยแตกต่ำ    wet skid สูง   rolling resistance ต่ำ – นอกจากนั้นค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 300%Modulus, Tensile, Tear, Abrasion Loss ไม่แตกต่างจากยาง STR50CV  การใช้ประโยชน์จากผลงานนี้
                ยางไร้สี ไร้กลิ่น            ยางเจลต่ำ
  -อุปกรณ์ทางการแพทย์                  - ยางล้อรถยนต์
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแพ้โปรตีน
  - อุปกรณ์การกีฬา
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสีสัน
  2.5 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “การพัฒนาน้ำยางพรีวัลคาไนซ์สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง” โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
น้ำยางพรีวัลคาไนซ์ (น้ำยางเอนกประสงค์) สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง สมบัติเบื้องต้นของน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาก โดยทีมงานวิจัยได้เตรียมน้ำยางเอนกประสงค์ให้มีคุณสมบัติแยกให้เหมาะสมกับเทคนิคการขึ้นรูปในลักษณะงาน Cast   Spray   Brush  และงาน  Dip  ตัวอย่างน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่ต่อยอดเป็นงานออกสู่เชิงพาณิชย์ได้คือการทำแม่แบบเพื่อหล่อหินปูพื้นตกแต่ง การทำสีเอนกประสงค์จากน้ำยางพาราเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ
2.6 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการ “การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรีสำหรับตรวจหาปริมาณฟอตเฟตในน้ำยาง” โดย ผศ.ดร.ปิยพร  ศรีสม  (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย)
การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรี (วิธีวิเคราะห์หาปริมาณฟอสเฟตแบบจุ่มวัด) ที่ให้ผลถูกต้องแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาถูก สำหรับหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยาง (ฟอสเพต  มีสมบัติไปทำให้ความเสถียรเชิงกลของน้ำยางลดลงในตอนที่เอาน้ำยางไปขึ้นรูปในกระบวนการ Dipping)
การหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยางด้วยวิธีโพเทนชิโอเมทรีอาศัยหลักการไทเทรตแบบตกตะกอนระหว่างฟอสเฟตไอออนกับซิลเวอร์ไอออนที่ใช้เป็นสารมาตรฐานไทแทรนท์ โดยควบคุม pH ของสารละลายตัวอย่างให้มีค่าเท่ากับ 8.0 ด้วย Borate buffer และติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าศักย์ไฟฟ้าของสารละลายระหว่างการไทเทรตด้วยอิเล็กโทรด Ag+ - ISE วิธีการที่ได้พัฒนาขึ้นถือได้ว่ามีความแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับวิธีคัลเลอริเมทรี อย่างไรก็ตามวิธี โพเทนชิโอเมทรีที่ได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถใช้ได้ผลดีกับตัวอย่างน้ำยางสดเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับตัวอย่างน้ำยางข้นได้

ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ยางพาราไทยกับงานวิจัยมุ่งเป้า ๒๕๕๘

การสัมมนา “ยางพาราไทยกับงานวิจัยมุ่งเป้า ๒๕๕๘

          เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ น.  ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ  สรุปสาระสำคัญของการสัมมนาได้ดังนี้

1. การสัมมนาครั้งนี้ จัดโดยเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายและบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน  พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้นักวิจัยและบุคลากรจากภาคอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศ ประกอบด้วยนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมยางพาราจากภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้

2. การสัมมนาครั้งนี้ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วง สามารถสรุปได้ดังนี้
๒.๑ การปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายภาครัฐกับทิศทางยางพาราไทย”  โดยนายอำนวย  ปะติเส  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปได้ดังนี้
ปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราผ่าน ๒ กลไก ได้แก่
กลไกการส่งเสริม  ผ่านการก่อตั้งการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)  ซึ่งรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓ หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานสงเคราะห์กองทุนการทำสวนยาง (สกย.)  องค์การสวนยาง (อสย.) และสถาบันวิจัยยาง
กลไกการควบคุม  ผ่านพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. ๒๕๔๒  โดยมีการควบคุมทั้งในด้านคุณภาพและตลาด
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ กำหนดจุดมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง  ซึ่งแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางให้มีศักยภาพสอดคล้องกับแผนดังกล่าว คือ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยมุ่งเป้า ซึ่งมีการต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
ปัจจุบันมีการแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์ยางเพียงร้อยละ ๑๔  ควรมีการส่งเสริม
การแปรรูปเพื่อใช้ยางภายในประเทศ
การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราต้องดำเนินการขับเคลื่อนทั้งระบบเชิงบูรณาการ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าการสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมยางพาราสามารถตอบสนองการพัฒนาอุตสาหกรรมยางได้
เป็นอย่างดี
๒.๒ การเสวนาวิชาการเรื่อง “วิกฤต หรือ โอกาส : ราคายางพาราไทย” โดยนายพิเชฏฐ์
พร้อมมูล  (ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร)  นางลดาวัลย์  คำภา (รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)  และนายวรเทพ  วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็กซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สรุปได้ดังนี้
ประเด็นสถานการณ์ยางพาราปัจจุบัน  นายพิเชฏฐ์ฯ มีความเห็นว่าราคายาง
มีหลักการเดียวกันกับราคาหุ้น กล่าวคือ เกิดจากความเชื่อทางการตลาดและปัจจัยพื้นฐานขององค์กร ซึ่งซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (future market) ดังนั้น การจะผลักดันราคายางให้สูงขึ้น อาจพิจารณาจากปัจจัยที่ส่งผล เช่น การลดพื้นที่การปลูก และลดผลผลิต  นายวรเทพฯ มีความเห็นว่าในขณะที่ราคายางตกต่ำจะเป็นวิกฤตของผู้ขาย แต่เป็นโอกาสของผู้ซื้อ ส่วนนางลดาวัลย์ฯ มีความเห็นว่าอุปสรรคของการกำหนดนโยบายใน   การรักษาเสถียรภาพราคายาง เกิดจากในปัจจุบันยังไม่สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงได้ และเห็นว่างานวิจัย    มุ่งเป้าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพราคายางในอนาคต
ประเด็นนโยบายของรัฐในการรักษาเสถียรภาพราคายางในปัจจุบัน  นายวรเทพฯ มีความเห็นว่าเป็นการสร้างความต้องการของตลาด (demand) เทียม ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และอาจส่งผลต่อกลไกตลาด  แต่เห็นด้วยกับการส่งเสริมการปลูกยางพารา เนื่องจากในอนาคตความต้องการใช้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น  ส่วนนางลดาวัลย์ฯ มีความเห็นว่าเกษตรกรชาวสวนยางควรมีอาชีพเสริม และต้องพิจารณาความคุ้มทุนในการผลิต  ด้านนายพิเชฏฐ์ฯ มีความเห็นว่ารัฐควรมีมาตรการเด็ดขาดในการลดพื้นที่ปลูกและเสนอพืชทางเลือกอื่นให้เกษตรกรอย่างเหมาะสม
ประเด็นงานวิจัยมุ่งเป้า  นางลดาวัลย์ฯ มีความเห็นว่าต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
และร่วมมือกันดำเนินการอย่างบูรณาการ  มีการหาตลาดใหม่ ปรับปรุงคุณภาพให้สูงขึ้นตามมาตรฐานที่ตลาดโลกต้องการ  สำหรับนายวรเทพฯ มีความเห็นว่าควรส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบเพื่อตอบสนองการใช้งานในประเทศและการส่งออกวัตถุดิบไปขายยังต่างประเทศเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ต่อไป  ส่วนนายพิเชฏฐ์ฯ มีความเห็นว่า การใช้ยางในประเทศหรือการส่งออกที่มากขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อราคายาง  การผลักดันราคายางให้สูงขึ้นอาจเกิดจากการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยใช้ยางเป็นวัตถุดิบมาก่อน โดยต้องมีการประชาสัมพันธ์สรรพคุณของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย  สำหรับการนำยางพาราไปทำถนนนั้น ผลการวิจัยพบว่าสามารถทำได้ และเป็นสินค้าที่มีศักยภาพมากที่สุด  แต่เหตุที่ไม่สามารถกำหนดเป็นนโยบายได้ เนื่องจากต้องพยายามรักษาส่วนแบ่ง
ทางการตลาด และหากมีการใช้ถนนจากยางธรรมชาติอย่างแพร่หลาย อาจส่งผลให้ยางขาดตลาดได้ในอนาคต
๒.๓ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานวิจัยด้านยางพาราเพื่อการพัฒนาต่อยอดและการนำไปใช้ประโยชน์  โดยมีการแบ่งเป็น ๓ ห้อง ได้แก่ อุตสาหกรรมยางพาราต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สรุปได้ดังนี้
ห้องย่อย ๑ อุตสาหกรรมยางพาราต้นน้ำ มีการนำเสนอการวิจัย ๔ เรื่อง ได้แก่  
       ๑) การควบคุมราที่ปนเปื้อนบนยางแผ่นดิบทางชีววิธีโดยใช้ Streptomyces sp.CMU-NKS-3 และรา Muscodor cinnamomi CMU-Cib 461 โดย ศ.ดร. สายสมร  ลำยอง และคณะ (คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ซึ่งผลการวิจัยนี้ แสดงถึงประสิทธิภาพของสารสกัดเมตาบอไลต์แห้ง และสารระเหยจากเชื้อราสังเคราะห์  โดยพบว่า ปริมาณการใช้เชื้อราสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้นบนยางแผ่นดิบ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรมควันแผ่นยาง และลดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ปนเปื้อนได้  
      ๒) การศึกษานโยบายและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของประเทศไทยด้วยกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาและแนวทางที่เหมาะสมเพื่อจัดตั้ง โดย ดร. มนต์ชัย  พินิจจิตรสมุทร และคณะ (คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ได้นำเสนอนโยบายยางพาราไทย ว่าควรเป็นไปในลักษณะบรรเทาสถานการณ์ และพัฒนาระบบยางพาราโดยใช้มาตรการตามช่วงเวลา ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพซึ่งเป็นมาตรการที่จำเป็นในการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อภาคเกษตรรายย่อย และสร้างการปรับพื้นฐานการดำเนินงานของเกษตรกรในระยะยาว  
      ๓) การพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับการปลูกยางพาราของประเทศไทยด้วยประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ โดย ผศ.ดร. ธันวดี  สุขสาโรจน์ และคณะ (สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล) ซึ่งนำเสนอร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในการปลูกยางพาราของประเทศไทย     จากผลการศึกษา ประกอบด้วย ๖ กลยุทธ์ คือ การพัฒนาเกษตรกร การเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตเพื่อความ  เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรับมือภาวะภัยพิบัติ การเพิ่มศักยภาพเชิงรุกในการใช้ยางพาราในประเทศ      การเสริมศักยภาพการแข่งขันของยางธรรมชาติ และการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระดับภูมิภาคและระดับโลก  
    ๔) การศึกษาสมดุลคาร์บอนและน้ำเพื่อใช้เป็นข้อมูลทำคาร์บอนฟุตปริ้นต์
และวอเตอร์ฟุตปริ้นต์ของสวนยางพารา : ระยะที่ ๒ โดย รศ.ดร. พูนพิภพ  เกษมทรัพย์ และคณะ (คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ซึ่งผลการวิจัยนี้ พบว่า ปริมาณการใช้ปุ๋ยต่อหน่วยเป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลต่อค่าคาร์บอนฟุตปริ้นท์ ทั้งนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็นตามข้อแนะนำของสถาบันวิจัยยาง ดังนั้น เกษตรกรจึงควรใช้ปริมาณปุ๋ยที่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดค่าคาร์บอนฟุตปริ้นท์ได้อีกด้วย
ห้องย่อย ๒ อุตสาหกรรมยางพารากลางน้ำ มีการนำเสนอการวิจัย ๔ เรื่อง ได้แก่
      ๑) การทดสอบความเป็นพิษและฤทธิ์ต่อกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินของ
สารสกัดเมล็ดยางพารา โดย ดร. ภักวดี  ไชยกุล และคณะ (สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัย
แม่ฟ้าหลวง)  ซึ่งผลการวิจัยนี้ แสดงถึงการพัฒนาศักยภาพเมล็ดยางพาราเพื่อใช้ประโยชน์ ในอุตสาหกรรม      เครื่องสำอาง โดยนำสารสกัดไปใช้ในการลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
      ๒) การผลิตยางธรรมชาติความหนืดคงที่โดยกระบวนการป้องกันการเกิดเจล
โดย รศ.ดร. ศิริลักษณ์  พุ่มประดับ และคณะ (คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)  ซึ่งเป็นการกำจัดหมู่คาร์บอนิลโดยการแช่ยางจับตัวในสารละลายเบส ซึ่งเป็นวิธีที่ต้นทุนต่ำรวมทั้งง่ายต่อการปฏิบัติการ และล้างส่วนที่ไม่ใช่ยางออกด้วยสารลดแรงตึงผิว โดยงานวิจัยดังกล่าวสามารถควบคุมความหนืดในยางธรรมชาติเทียบเท่ากับกระบวนการเติมสารควบคุมความหนืดชนิดไฮดรอกซิลเอมีนนิวทรัลซัลเฟต  ทำให้ลดปัญหาการเสื่อมสภาพของยางจากความหนืดที่เปลี่ยนไปได้
      ๓) การพัฒนาระบบออกแบบ รูปแบบการเลื่อย ระบบควบคุมการอัดน้ำยา ระบบการควบคุมการอบ และเตาอบไม้ต้นแบบ สำหรับการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปในโรงงานอุตสาหกรรม
โดย ผศ.ดร. นิรันดร  มาแทน และคณะ (ศูนย์วิจัยความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมไม้ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์และทรัพยากร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)  ซึ่งเป็นงานวิจัยที่คิดค้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SawWooD ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อการออกแบบรูปแบบการเลื่อยไม้ซุงที่เหมาะสมในคอมพิวเตอร์ก่อนทำการเลื่อยจริง ImPregWooD ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อการควบคุมการอัดน้ำยาโบรอน และ DryWooD ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อให้โรงงานสามารถควบคุมสภาวะการอบในเตาอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      ๔) การประเมินศักยภาพการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซชีวภาพด้วยการหมักร่วม และอัตราการทดแทนเชื้อเพลิงไม้ฟืนของสหกรณ์ผลิตยางแผ่นรมควัน  โดย รศ.ดร. สุเมธ  ไชยประพัทธ์ และคณะ (ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) ซึ่งเป็นงานวิจัยที่นำเสนอแนวคิดในการจัดการน้ำเสียจากการผลิตยางแผ่นรมควันแบบครบวงจร โดยสามารถนำก๊าซชีวภาพไปใช้รมยางแผ่นกับไม้ฟืน อีกทั้งสามารถนำน้ำทิ้งที่ออกจากระบบผลิตก๊าซชีวภาพดังกล่าว ซึ่งมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช ไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรต่อไปได้
ห้องย่อย ๓ อุตสาหกรรมยางพาราปลายน้ำ มีการนำเสนอการวิจัย ๔ เรื่อง ได้แก่  
        ๑) การศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมผลิตวัสดุอุปกรณ์
ทางการแพทย์และสุขภาพ โดย นพ. ฆนัท  ครุฑกุล และคณะ (คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล) ซึ่งผลการวิจัยแสดงถึงข้อได้เปรียบด้านต้นทุน (Cost Advantage) ของประเทศไทยเมื่อเทียบกับมาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ยังขาดความได้เปรียบด้านราคา (Price Advantage) ทำให้ไม่สามารถขายสินค้าราคาสูงได้ ดังนั้น จึงควรสนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จากยางพาราภายในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง ๒) การพัฒนาวัสดุเคลือบผิวคลองผสมน้ำยางพาราสำหรับใช้บำรุงรักษาคลองชลประทาน โดย ผศ.ดร. พีรวัฒน์  ปลาเงิน และคณะ (คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม) ผลการวิจัยและทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมของวัสดุเคลือบผิวคลอง ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสัก ชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีคุณสมบัติป้องกันการรั่วซึมและความต้านทานการกัดกร่อน ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง   จึงสามารถนำไปใช้เคลือบผิวคลองและซ่อมรอยแตกร้าวได้  
       ๓) การวิจัยและพัฒนายางล้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน โดย ผศ.ดร. กฤษฎา สุชีวะ  และคณะ (คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ซึ่งผลการวิจัยพบว่า โครงสร้างยางล้อ แบบดอกยาง เนื้อยางการกระจายตัวของตัวเติมเสริมแรง การติดระหว่างยางกับตัวเติมเสริมแรง และเส้นลวดเหล็กที่ใช้เสริมแรงล้วนมีผลต่อการสูญเสียพลังงานของยางล้อขณะวิ่ง โดยแผนงานวิจัยสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้พัฒนายางล้อรถประหยัดพลังงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตยางล้อที่เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไป  
๔) การวิเคราะห์นโยบายที่เหมาะสมเพื่อการจัดการยางล้อยานยนต์ใช้แล้วของประเทศไทยระยะที่ ๒ โดย รศ.ดร. ประเสริฐ  ภวสันต์ และคณะ (คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้นำเสนอแนวคิดรูปแบบการจัดการยางล้อรถยนต์ที่ใช้แล้ว ได้แก่ การสนับสนุนการนำผลิตภัณฑ์รีไซเคิลไปใช้ การให้เงินทุนสนับสนุนในบางกระบวนการ และ การลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมรีไซเคิล โดยภาครัฐสามารถเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม   ที่เหมาะสม และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ได้อีกทางหนึ่ง
      3. จากการเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้  เจ้าหน้าที่ กพข. ๒ กสอ. ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยมุ่งเป้าด้านยางพารามากขึ้น  ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะได้นำความรู้และประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนและพัฒนาการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่อไป



ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การประชุมการพัฒนาต่อยอดและนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 1) 

ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 เวลา 08.30-15.30น.  ณ ห้องบานบุรี ชั้น 14 โรงแรมบางกอกชฎา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ  มีข้อสรุปตามหัวข้อการประชุมแบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่หนึ่งเป็นการอภิปรายและเสวนา  ส่วนที่สองเป็นการนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการ
การอภิปรายเรื่อง  แก้ปัญหาราคายางพารา ด้วยการวิจัยได้หรือไม่  มีบทสรุปในเรื่องนี้เป็นการนำผลการวิจัยไปใช้ในการสร้าง/พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ยางพารา ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ยางพารามีมูลค่าสูงขึ้นแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคายางพาราได้  เนื่องจากราคายางพาราเป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน และยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง การพัฒนาเทคโนโลยีการอบแห้งด้วยคลื่นไมโครเวฟร่วมกับลมร้อนเพื่อเป็นต้นแบบในการผลิตยางแท่ง STR 20 ระดับอุตสาหกรรม ซึ่งโครงการชุดนี้อยู่ในระดับห้องปฏิบัติการ หากมีผู้ประกอบการสนใจใช้งานต้องนำไปขยายขนาด
การเสวนาเรื่อง  การใช้ประโยชน์แผนงานการวิจัยเชิงก้าวหน้าชุดอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์จากยางธรรมชาติ ข้อสรุปในเรื่องนี้เป็นความพยายามที่จะให้ผู้ประกอบการผลิตอวัยวะส่วนสำคัญและหุ่นคนขึ้น โดยใช้ยางพาราทดแทนการนำอวัยวะส่วนที่สำคัญและหุ่นคนเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงมาก และเพื่อนำไปใช้ทดลองและให้นักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษาฝึกงานแทนอาจารย์ใหญ่ซึ่งนับวันจะขาดแคลนและมีความคุ้มครองร่างของผู้เสียชีวิตมากขึ้น
การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากเมล็ดยางพารา เป็นการสกัดเอาสารสำคัญ  ของเม็ดยางพาราออกมาและพบว่ามีสารบางชนิดมีคุณสมบัติรักษาความชุ่มชื้นดีสามารถนำไปพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ครีมหรือเจลบำรุงผิวและสบู่ ได้
การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  การยืดอายุการเก็บรักษาและการรักษาคุณภาพเห็ดฟางด้วยบรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้จากยางพาราได้อย่างปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคเพื่อการส่งออกระยะที่ 2 เป็นการพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติก PLA (Polylatic acid) และใช้ยางพาราเป็นส่วนผสม   ในอัตราส่วนร้อยละ 18  ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาคุณภาพเห็ดฟางได้นานขึ้นจาก 3 วัน เป็นอายุนานขึ้นถึง    7 วัน และการใช้ถุงบรรจุภัณฑ์แบบย่อยสลายได้จะได้รับการ   งดเว้นภาษีบรรจุภัณฑ์ในการส่งเห็ดฟางไปประเทศแถบยุโรปเนื่องจากเป็นวัสดุย่อยสลายได้