การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)
การประชุม “การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ – 16.00 น. ณ ห้องพาโนรามา 2 ชั้น 14 โรงแรมดิเอมเมอรัล ถนนรัชดา กรุงเทพฯ สรุปสาระสำคัญของการสัมมนาได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ จัดโดยสำนักประสานงานชุดโครงการยางพารา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคอุตสาหกรรม นักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณานำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์หรือวิจัยต่อยอดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ประกอบด้วยนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมยางพาราจากภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
2. การประชุมครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 ช่วง สามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “พอลิเมอร์จากยางธรรมชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทางเภสัชกรรม” โดย ผศ.ดร.ภก. วิวัฒน์ พิชญากร สรุปได้ดังนี้
• การเตรียมระบบซูโดลาเท็กซ์จากยางแท่ง (STR5L) เพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาแนวคิดเป็นความพยายามเปลี่ยนวัตถุดิบยางแท่งหรือแห้งที่มีอยู่ท้องตลาดทั่งไปกลับมาสู่รูปแบบน้ำยางอีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งระบบนำส่งยาที่ใช้ทางผิวหนัง ซึ่งมีกระบวนการทำงานวิจัยตั้งแต่การเตรียมเป็นระบบซูโดลาเท็กซ์ ซึ่งใช้ระบบออกานิกโซเว้นมาช่วยและกระจายตัวในน้ำอีกครั้งหนึ่ง และศึกษาพารามิเตอร์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อคุณสมบัติของระบบซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นได้ และได้ทดลองบรรจุยาหลายๆ ชนิดเข้าไปเพื่อดูว่าซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นมาเหมาะสมกับยาชนิดไหนบ้าง ซึ่งผลงานวิจัยพบว่าเหมาะสมกับยาบางชนิดเท่านั้น เช่น Indomethacin (ยาต้านอาการอักเสบ), Lidocaine (ยาชา) ผลงานนี้ได้นำเสนอในเวทีการประชุมวิชาการนานาชาติแล้ว 3 ครั้ง และได้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นวิชาการด้วย
2.2 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาหุ่นจำลองทางรังสีรักษาสำหรับฝึกทักษะการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง” โดย ดร.นันทวัฒน์ อู่ดี (ภาควิชารังสีเทคนิค คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร)
• การพัฒนาหุ่นจำลองทรวงอกสำหรับฝึกทักษะวางแผนการรักษามะเร็งเต้านมทางรังสีรักษาและการพัฒนาหุ่นจำลองอุ้งเชิงกรานของการฉายรังสีระยะใกล้สำหรับมะเร็งปากมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยสำหรับฝึกทักษะการรักษาให้นิสิต/นักศึกษารังสีเทคนิค แพทย์ พยาบาล ใช้ประเมินค่าปริมาณรังสีก่อนการรักษาจริงในผู้ป่วย ตรวจสอบปริมาณรังสีก่อนการรักษาผู้ป่วยจริง และลดการสูญเสียจากการให้ปริมาณรังสีที่ผิดพลาด โดยใช้หุ่นจำลองแทนคนไข้ ในช่วงแรกจะใช้หุ่นจำลองเพื่อฝึกทักษะในการปฏิบัติงานจริงแทนผู้ป่วยและประเมินว่าผู้ป่วนได้รับปริมาณรังสีเท่าไรจากการฝึกปฏิบัติฉายรังสีในตำแหน่งนั้น ช่วงต่อไปจะสร้างหุ่นจำลองเลียนแบบองค์ประกอบภายในของยางพาราเช่นความหนาแน่นให้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากที่สุดเพื่อการวางแผนการรักษาโดยให้ปริมาณรังสีการรักษาที่ถูกต้อง ณ.จุดที่ทำการรักษาด้วยหุ่นยางพาราจำลองและประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบเคียงกับมนุษย์จริง การสร้างหุ่นจำลองเพื่อใช้ทางการแพทย์เป็นแนวโน้มที่พัฒนาหุ่นขึ้นใช้ประโยชน์อย่างมากและขยายการใช้งานไปทั่วประเทศ
2.3 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง” โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ นิธิอุทัย (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)
• ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง เป็นการติดตาม/ควบคุมการวัลคาไนซ์ของยางในระหว่างการอัดเบ้าประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ (cost/robustness) ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นสร้างระบบหรือเครื่องมือวัดที่สามารถติดตามวัดข้อมูลจากเบ้าที่ได้ ส่งข้อมูลไปควบคุมได้ และวัดข้อมูลระหว่างกระบวนการอัดเบ้าได้(Real time data in processes) ซึ่งใช้ในภาคอุตสาหกรรมยางพาราได้และถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับระบบการวัดค่าตัวแปรระหว่างกระบวนการวับคาไนซ์ (เป็นกระบวนการเชื่อมโยงโมเลกุลยางแต่ละโมเลกุลผ่านพันธะโควาเลนต์ให้เกิดเป็นโครงสร้างตาข่าย) ซึ่งการทำงานวิจัยมีข้อจำกัดในการวัดค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานเนื่องจากต้องตัด หรือสุ่มตัวอย่างจากชิ้นงานเพื่อนำมาเข้าเครื่องวัดหาคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานมีความแตกต่างของสภาวะของเบ้าจริงและเครื่อง ODR/MDR ความแปรปรวนของยางในแต่ละแบช หรือ ในแต่ละตำแหน่งในแบชเดียวกัน ความแปรปรวนของสภาวะของเบ้าจริง เช่น อุณหภูมิเบ้า การถ่ายเทความร้อนจากเบ้าสู่ยาง ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยางจึงมีโอกาสสูงสามารถต่อยอดเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้
2.4 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง “โครงการพัฒนายางธรรมชาติให้มีความหนืดมูนนี่ต่ำและคงที่ปริมาณไนโตรเจนและปริมาณเจลต่ำในระดับอุตสาหกรรม” โดย ผศ.ดร.อรสา ภัทรไพบูลย์ชัย (สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)
• การทำวิจัย เพื่อศึกษาหาวิธีผลิตยางธรรมชาติให้ได้สมบัติตามข้อกำหนดของยางแท่งเกรดใหม่ (LoV) ในมาตรฐานยางแท่งไอเอสโอ (ISO 2000 – Guidelines for the specification of technically specified rubber (TSR)) ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งมาตรฐานยางแท่ง (LoV) คุณสมบัติของยางคือ ความหนืดมูนนี่ , ML 1+4 (100 องศาC 55±10 ปริมาณไนโตรเจน ร้อยละไม่เกิน 0.3 ปริมาณเจลต่ำ ร้อยละไม่เกิน 4.0 ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05 และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8 จากการศึกษาและเตรียมยางทดลองผลการดำเนินการที่ได้ พบว่าปริมาณไนโตรเจน ไม่เกินร้อยละ 0.3 ปริมาณเจล ไม่เกินร้อยละ 4.0 ความหนืดมูนนี่ ML 1+4 (100 องศาC ) = 55±10 ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05 ปริมาณเถ้า ร้อยละ 0.5 และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8 ซึ่งปริมาณเจล(ไนโตรเจนรูปหนึ่ง)เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสี กลิ่น และพลังงานที่ใช้ในการผสมยางคอมเปานด์ต่ำ (ลดพลังงานในการผสมยางได้มาก)ยางคุณภาพพิเศษมีปริมาณเจลที่ต่ำ ซึ่งปริมาณเจลที่ต่ำจะมีข้อดีในเรื่อง ความหนืดคงที่ พลังงานในการผสมต่ำ อัตราการวัลคาไนซ์เร็ว % Elongation at break สูง heat build up ต่ำ % Compression set ต่ำา ความต้านทานต่อการขยายรอยแตกดีกว่า กล่าวคือเกิดรอยแตกต่ำ wet skid สูง rolling resistance ต่ำ – นอกจากนั้นค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 300%Modulus, Tensile, Tear, Abrasion Loss ไม่แตกต่างจากยาง STR50CV การใช้ประโยชน์จากผลงานนี้
ยางไร้สี ไร้กลิ่น ยางเจลต่ำ
-อุปกรณ์ทางการแพทย์ - ยางล้อรถยนต์
- ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแพ้โปรตีน
- อุปกรณ์การกีฬา
- ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสีสัน
2.5 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง “การพัฒนาน้ำยางพรีวัลคาไนซ์สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง” โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ นิธิอุทัย (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)
• น้ำยางพรีวัลคาไนซ์ (น้ำยางเอนกประสงค์) สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง สมบัติเบื้องต้นของน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาก โดยทีมงานวิจัยได้เตรียมน้ำยางเอนกประสงค์ให้มีคุณสมบัติแยกให้เหมาะสมกับเทคนิคการขึ้นรูปในลักษณะงาน Cast Spray Brush และงาน Dip ตัวอย่างน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่ต่อยอดเป็นงานออกสู่เชิงพาณิชย์ได้คือการทำแม่แบบเพื่อหล่อหินปูพื้นตกแต่ง การทำสีเอนกประสงค์จากน้ำยางพาราเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ
2.6 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการ “การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรีสำหรับตรวจหาปริมาณฟอตเฟตในน้ำยาง” โดย ผศ.ดร.ปิยพร ศรีสม (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย)
• การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรี (วิธีวิเคราะห์หาปริมาณฟอสเฟตแบบจุ่มวัด) ที่ให้ผลถูกต้องแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาถูก สำหรับหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยาง (ฟอสเพต มีสมบัติไปทำให้ความเสถียรเชิงกลของน้ำยางลดลงในตอนที่เอาน้ำยางไปขึ้นรูปในกระบวนการ Dipping)
การหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยางด้วยวิธีโพเทนชิโอเมทรีอาศัยหลักการไทเทรตแบบตกตะกอนระหว่างฟอสเฟตไอออนกับซิลเวอร์ไอออนที่ใช้เป็นสารมาตรฐานไทแทรนท์ โดยควบคุม pH ของสารละลายตัวอย่างให้มีค่าเท่ากับ 8.0 ด้วย Borate buffer และติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าศักย์ไฟฟ้าของสารละลายระหว่างการไทเทรตด้วยอิเล็กโทรด Ag+ - ISE วิธีการที่ได้พัฒนาขึ้นถือได้ว่ามีความแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับวิธีคัลเลอริเมทรี อย่างไรก็ตามวิธี โพเทนชิโอเมทรีที่ได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถใช้ได้ผลดีกับตัวอย่างน้ำยางสดเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับตัวอย่างน้ำยางข้นได้
ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น