วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)

การประชุม “การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ – 16.00 น.  ณ ห้องพาโนรามา 2  ชั้น 14  โรงแรมดิเอมเมอรัล  ถนนรัชดา กรุงเทพฯ  สรุปสาระสำคัญของการสัมมนาได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ จัดโดยสำนักประสานงานชุดโครงการยางพารา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคอุตสาหกรรม นักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณานำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์หรือวิจัยต่อยอดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์   ประกอบด้วยนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมยางพาราจากภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
2. การประชุมครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 ช่วง สามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “พอลิเมอร์จากยางธรรมชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทางเภสัชกรรม”  โดย ผศ.ดร.ภก. วิวัฒน์  พิชญากร สรุปได้ดังนี้
                  • การเตรียมระบบซูโดลาเท็กซ์จากยางแท่ง (STR5L) เพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาแนวคิดเป็นความพยายามเปลี่ยนวัตถุดิบยางแท่งหรือแห้งที่มีอยู่ท้องตลาดทั่งไปกลับมาสู่รูปแบบน้ำยางอีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งระบบนำส่งยาที่ใช้ทางผิวหนัง ซึ่งมีกระบวนการทำงานวิจัยตั้งแต่การเตรียมเป็นระบบซูโดลาเท็กซ์ ซึ่งใช้ระบบออกานิกโซเว้นมาช่วยและกระจายตัวในน้ำอีกครั้งหนึ่ง และศึกษาพารามิเตอร์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อคุณสมบัติของระบบซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นได้ และได้ทดลองบรรจุยาหลายๆ ชนิดเข้าไปเพื่อดูว่าซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นมาเหมาะสมกับยาชนิดไหนบ้าง ซึ่งผลงานวิจัยพบว่าเหมาะสมกับยาบางชนิดเท่านั้น เช่น Indomethacin (ยาต้านอาการอักเสบ), Lidocaine (ยาชา) ผลงานนี้ได้นำเสนอในเวทีการประชุมวิชาการนานาชาติแล้ว 3 ครั้ง และได้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นวิชาการด้วย
2.2 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาหุ่นจำลองทางรังสีรักษาสำหรับฝึกทักษะการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง”  โดย ดร.นันทวัฒน์  อู่ดี (ภาควิชารังสีเทคนิค  คณะสหเวชศาสตร์  มหาวิทยาลัยนเรศวร)
การพัฒนาหุ่นจำลองทรวงอกสำหรับฝึกทักษะวางแผนการรักษามะเร็งเต้านมทางรังสีรักษาและการพัฒนาหุ่นจำลองอุ้งเชิงกรานของการฉายรังสีระยะใกล้สำหรับมะเร็งปากมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยสำหรับฝึกทักษะการรักษาให้นิสิต/นักศึกษารังสีเทคนิค แพทย์ พยาบาล ใช้ประเมินค่าปริมาณรังสีก่อนการรักษาจริงในผู้ป่วย  ตรวจสอบปริมาณรังสีก่อนการรักษาผู้ป่วยจริง และลดการสูญเสียจากการให้ปริมาณรังสีที่ผิดพลาด โดยใช้หุ่นจำลองแทนคนไข้ ในช่วงแรกจะใช้หุ่นจำลองเพื่อฝึกทักษะในการปฏิบัติงานจริงแทนผู้ป่วยและประเมินว่าผู้ป่วนได้รับปริมาณรังสีเท่าไรจากการฝึกปฏิบัติฉายรังสีในตำแหน่งนั้น  ช่วงต่อไปจะสร้างหุ่นจำลองเลียนแบบองค์ประกอบภายในของยางพาราเช่นความหนาแน่นให้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากที่สุดเพื่อการวางแผนการรักษาโดยให้ปริมาณรังสีการรักษาที่ถูกต้อง ณ.จุดที่ทำการรักษาด้วยหุ่นยางพาราจำลองและประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบเคียงกับมนุษย์จริง การสร้างหุ่นจำลองเพื่อใช้ทางการแพทย์เป็นแนวโน้มที่พัฒนาหุ่นขึ้นใช้ประโยชน์อย่างมากและขยายการใช้งานไปทั่วประเทศ
2.3 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง”  โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์            คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง เป็นการติดตาม/ควบคุมการวัลคาไนซ์ของยางในระหว่างการอัดเบ้าประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ (cost/robustness) ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นสร้างระบบหรือเครื่องมือวัดที่สามารถติดตามวัดข้อมูลจากเบ้าที่ได้  ส่งข้อมูลไปควบคุมได้  และวัดข้อมูลระหว่างกระบวนการอัดเบ้าได้(Real time data in processes) ซึ่งใช้ในภาคอุตสาหกรรมยางพาราได้และถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับระบบการวัดค่าตัวแปรระหว่างกระบวนการวับคาไนซ์ (เป็นกระบวนการเชื่อมโยงโมเลกุลยางแต่ละโมเลกุลผ่านพันธะโควาเลนต์ให้เกิดเป็นโครงสร้างตาข่าย) ซึ่งการทำงานวิจัยมีข้อจำกัดในการวัดค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานเนื่องจากต้องตัด หรือสุ่มตัวอย่างจากชิ้นงานเพื่อนำมาเข้าเครื่องวัดหาคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานมีความแตกต่างของสภาวะของเบ้าจริงและเครื่อง ODR/MDR  ความแปรปรวนของยางในแต่ละแบช หรือ ในแต่ละตำแหน่งในแบชเดียวกัน  ความแปรปรวนของสภาวะของเบ้าจริง เช่น อุณหภูมิเบ้า การถ่ายเทความร้อนจากเบ้าสู่ยาง ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยางจึงมีโอกาสสูงสามารถต่อยอดเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้
2.4 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “โครงการพัฒนายางธรรมชาติให้มีความหนืดมูนนี่ต่ำและคงที่ปริมาณไนโตรเจนและปริมาณเจลต่ำในระดับอุตสาหกรรม”  โดย ผศ.ดร.อรสา  ภัทรไพบูลย์ชัย (สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ฯ  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)
การทำวิจัย เพื่อศึกษาหาวิธีผลิตยางธรรมชาติให้ได้สมบัติตามข้อกำหนดของยางแท่งเกรดใหม่ (LoV) ในมาตรฐานยางแท่งไอเอสโอ (ISO 2000 – Guidelines for the specification of technically specified rubber (TSR)) ในระดับอุตสาหกรรม  ซึ่งมาตรฐานยางแท่ง (LoV) คุณสมบัติของยางคือ  ความหนืดมูนนี่ , ML 1+4 (100  องศาC    55±10    ปริมาณไนโตรเจน ร้อยละไม่เกิน 0.3  ปริมาณเจลต่ำ ร้อยละไม่เกิน 4.0  ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8  จากการศึกษาและเตรียมยางทดลองผลการดำเนินการที่ได้  พบว่าปริมาณไนโตรเจน ไม่เกินร้อยละ 0.3   ปริมาณเจล ไม่เกินร้อยละ 4.0  ความหนืดมูนนี่ ML 1+4 (100  องศาC ) = 55±10    ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05   ปริมาณเถ้า ร้อยละ 0.5  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8   ซึ่งปริมาณเจล(ไนโตรเจนรูปหนึ่ง)เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสี กลิ่น  และพลังงานที่ใช้ในการผสมยางคอมเปานด์ต่ำ (ลดพลังงานในการผสมยางได้มาก)ยางคุณภาพพิเศษมีปริมาณเจลที่ต่ำ ซึ่งปริมาณเจลที่ต่ำจะมีข้อดีในเรื่อง  ความหนืดคงที่   พลังงานในการผสมต่ำ   อัตราการวัลคาไนซ์เร็ว   % Elongation at break สูง   heat build up ต่ำ    % Compression set ต่ำา   ความต้านทานต่อการขยายรอยแตกดีกว่า กล่าวคือเกิดรอยแตกต่ำ    wet skid สูง   rolling resistance ต่ำ – นอกจากนั้นค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 300%Modulus, Tensile, Tear, Abrasion Loss ไม่แตกต่างจากยาง STR50CV  การใช้ประโยชน์จากผลงานนี้
                ยางไร้สี ไร้กลิ่น            ยางเจลต่ำ
  -อุปกรณ์ทางการแพทย์                  - ยางล้อรถยนต์
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแพ้โปรตีน
  - อุปกรณ์การกีฬา
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสีสัน
  2.5 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “การพัฒนาน้ำยางพรีวัลคาไนซ์สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง” โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
น้ำยางพรีวัลคาไนซ์ (น้ำยางเอนกประสงค์) สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง สมบัติเบื้องต้นของน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาก โดยทีมงานวิจัยได้เตรียมน้ำยางเอนกประสงค์ให้มีคุณสมบัติแยกให้เหมาะสมกับเทคนิคการขึ้นรูปในลักษณะงาน Cast   Spray   Brush  และงาน  Dip  ตัวอย่างน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่ต่อยอดเป็นงานออกสู่เชิงพาณิชย์ได้คือการทำแม่แบบเพื่อหล่อหินปูพื้นตกแต่ง การทำสีเอนกประสงค์จากน้ำยางพาราเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ
2.6 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการ “การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรีสำหรับตรวจหาปริมาณฟอตเฟตในน้ำยาง” โดย ผศ.ดร.ปิยพร  ศรีสม  (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย)
การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรี (วิธีวิเคราะห์หาปริมาณฟอสเฟตแบบจุ่มวัด) ที่ให้ผลถูกต้องแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาถูก สำหรับหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยาง (ฟอสเพต  มีสมบัติไปทำให้ความเสถียรเชิงกลของน้ำยางลดลงในตอนที่เอาน้ำยางไปขึ้นรูปในกระบวนการ Dipping)
การหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยางด้วยวิธีโพเทนชิโอเมทรีอาศัยหลักการไทเทรตแบบตกตะกอนระหว่างฟอสเฟตไอออนกับซิลเวอร์ไอออนที่ใช้เป็นสารมาตรฐานไทแทรนท์ โดยควบคุม pH ของสารละลายตัวอย่างให้มีค่าเท่ากับ 8.0 ด้วย Borate buffer และติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าศักย์ไฟฟ้าของสารละลายระหว่างการไทเทรตด้วยอิเล็กโทรด Ag+ - ISE วิธีการที่ได้พัฒนาขึ้นถือได้ว่ามีความแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับวิธีคัลเลอริเมทรี อย่างไรก็ตามวิธี โพเทนชิโอเมทรีที่ได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถใช้ได้ผลดีกับตัวอย่างน้ำยางสดเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับตัวอย่างน้ำยางข้นได้

ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

ไม่มีความคิดเห็น: