B-Model
B-Model เป็นแบบแผนอย่างหนึ่งของธุรกิจที่เป็นปัจจุบันเพียงแตะใครหลายคนไม่ได้สนใจเก็บมาวิเคราะห์หรือจัดรูปแบบในสาระสำคัญเท่านั้นเอง เราลองพิจรณากันดูสักนิดว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจในวงการกีฬาหลายๆ ประเภท เช่น กอล์ฟ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เทนนิสหรือวงการหมัดมวย ล้วนเป็นอาชีพได้ทั้งสิ้น นอกจากจะถือเป็นอาชีพได้แล้วผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยังได้ดำเนินงานเป็นธุรกิจด้วย ลองย้อนคิดขึ้นไปดูว่ากีฬาที่กล่าวมาทุกประเภทนั้นทำเป็นธุรกิจได้อย่างไรหรือมันมีลักษณะเป็นแม่แบบอย่างไร จากหลักธรรมชาติของมวลมนุษย์ สรรพสิ่งใดๆในโลกล้วนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายเท่านั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่เป็นไปตามนี้ ในทางตรรกะก็มีแค่ จริง กับ เท็จ หรือ 0 กับ 1 เท่านั้น ในทางการแข่งขันกีฬา เมื่อวางกฎกิกาและแข่งกันถึงที่สุดแล้วก็จะมีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ ซึ่งเมื่อผู้คนได้ดูเกมส์การแข่งขันที่มีความตื่นเต้น สนุกสนานในเกมส์มีการลุ้นและกลุ่มเชียร์ผลแพ้ชนะมากขึ้น ๆ จนเป็นกระแสความชอบและเป็นธุรกิจในที่สุด ในการวิเคราะห์แบบอย่างของธุรกิจการกีฬาก็จะขอย้อนคิดจากกีฬามวยก็แล้วกัน จาก Boxing Model หรือเรียกย่อว่า B-Model มีการแบ่งระดับชั้นของรูปแบบนี้ออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับที่ 1 ความเป็นค่ายมวย ภารกิจหรือขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของค่ายมวยการเตรียมความพร้อมของนักชก การแสวงหานักชกเข้าร่วมงานในค่าย การฝึกซ้อม ฯลฯ ผู้คนที่เกี่ยวข้องในค่ายก็คือ เจ้าของค่าย ครูฝึกและนักชก รูปแบบธุรกิจในระดับนี้อาจเรียกว่าสถานะเป็นระดับผู้เล่น (Player)
- ระดับที่ 2 ความเป็นผู้จัดการแข่งขัน และหรือ การเป็นเจ้าของเวทีแข่งขัน (Promoter)
บทบาทหน้าที่และภารกิจหลักของสถานะในระดับนี้คือการเป็นผู้ประสานงานหัวหน้าคณะ จัดหาประกบคู่การชกเพื่อให้เกมส็ตื่นเต้น น่าสนใจ รวมทั้งการจัดการแข่งขัน รูปแบบธุรกิจในระดับนี้อาจเรียกว่าสถานะเป็น Matching
- ระดับที่ 3 ความเป็นสหพันธ์มวย หรือควาเป็นองค์กรมวย บทบาทหน้าที่และภารกิจของสถาบันหรือองค์กรคือการควบคุมกฎระเบียบ กติการ การสร้างหรือจัดให้มีสภาพเที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ
แล้วที่กล่าวถึง B-Model ทั้งหมดตั้งแต่ต้นนั้นจะเกี่ยวข้องกับกรมส่งเสริมฯ อย่างไร ช่วยกันส่ง Comment เข้ามาได้นะครับ คิดเห็นอย่างไรกระหน่ำส่งมาได้ไม่ต้องเกรงใจกัน รับฟังทุกข้อคิดเห็นเพื่อเป็นข้อมูลเขียนบล็อคต่อไป
วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551
วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551
การถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อนำไปสู่เชิงพาณิชย์ ปี 2551
1. ความเป็นมา
อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New Wave Industry) เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมดังกล่าวได้อาศัยฐานความรู้ที่สำคัญมาจากเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีทั้ง 2 สาขายังได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายแขนงในหลายสาขาอุตสาหกรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ทางพาณิชย์อย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปได้มีการลงทุนจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี ทำให้เทคโนโลยีทั้ง 2 สาขาเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของภาคอุตสาหกรรม ในปัจจุบันเทคโนโลยีทั้ง 2 สาขา เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ และตระหนักถึงผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก
สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีในการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ตลอดจนการเกิดธุรกิจใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีนี้เป็นฐาน และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในบางอุตสาหกรรม สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายจึงได้จัดทำโครงการนี้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดังกล่าว โดยครอบคลุมถึงธุรกิจที่มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ในอุตสาหกรรมหรือสาขาเศรษฐกิจ เช่น เกษตร อาหาร สิ่งทอ ยานยนต์ การแพทย์และสาธารณสุข เวชสำอาง พลังงานและสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ เครื่องมือตรวจวิเคราะห์ เป็นต้น ตลอดจนธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรม
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจ ให้สามารถตัดสินใจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ตามความเหมาะสมและสอดคล้องสภาวการณ์ของวิสาหกิจ
2.2 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่วิสาหกิจในด้านเทคโนโลยี การจัดการเทคโนโลยี การจัดการและวางแผนธุรกิจ การตลาดและการเงิน เพื่อให้สามารถพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ
2.3 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจในการพัฒนาเครือข่ายและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและเทคโนโลยี
2.4 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการทำงานเชิงบูรณการระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่เป็นระบบ
สอดรับกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
3. กลุ่มเป้าหมาย
วิสาหกิจอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาและลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและธุรกิจนวัตกรรม
การดำเนินงาน : โครงการปรึกษาแนะนำเชิงลึกและถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อนำไปปฏิบัติเชิงพาณิชย์
1. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดทำแผนปฏิบัติการฯ จากการจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยการนำนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ พัฒนาประสิทธิภาพและผลิตภาพของSMEs โดยได้นำผลการศึกษาอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป นวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหารและนาโนเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอมาจัดทำแผนดำเนินการเนื่องจากอุตสาหกรรมกุ้งและสิ่งทอเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท และเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูง
2.จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ กลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้เสีย ได้สรุปข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็นที่ได้มาจากการรับฟังฯนำมาใช้ในการปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการ ในปีงบประมาณ 2551 และได้ทำแผนงาน โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยีและปรึกษาแนะนำเชิงลึกเพื่อใช้เชิงพาณิชย์ โดยเทคโนโลยีชีวภาพใช้ในอุตสาหกรรมการคัดเลือกลูกพันธ์กุ้งและนวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหาร นาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
3. จากแผนปฏิบัติการ ในปีงบประมาณ 2551 ได้รับความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจพิจารณา ในวงเงิน 3,600,000.00 บาท (สามล้านหกแสนบาทถ้วน) ให้ดำเนินกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพและปรึกษาแนะนำเชิงลึกการตรวจคุณภาพลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination)ในอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ราย ถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพและปรึกษาแนะนำเชิงลึกสู่นวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหาร จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ราย และถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีและปรึกษาแนะนำเชิงลึกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ราย
4. ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยีและให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่วิสาหกิจ
- ถ่ายทอดการใช้สารสกัดออกฤทธิ์จากตำหรับสมุนไพรต้านเชื้อแบคทีเรียเพื่อใช้ทดแทนสารเคมีแก่อุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกและอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง ในแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 5 ราย
- ถ่ายทอดวิธีการตรวจคัดเลือกพันธุ์ลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) แก่โรงเพาะพันธุ์ลูกกุ้ง 3 ราย บ่อเพาะเลี้ยงกุ้ง 3 ราย
- ถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ 10 ราย
ผลการดำเนินงานให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกและถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยี :
- ถ่ายทอดวิธีการและการใช้สารสกัดออกฤทธิ์จากตำหรับสมุนไพรต้านเชื้อแบคทีเรียเพื่อใช้ทดแทนสารเคมีแก่อุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกและอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง แก่วิสาหกิจ 10 ราย
ผลลัพธ์ : ลดการใช้เคมีภัณฑ์ในอุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกในตลาดโดยเฉพาะตลาด EU (Value for Money ในรูปของการลดต้นทุนค่าเคมีภัณฑ์)
- ลดข้อจำกัดการกีดกันทางการค้าในด้านการใช้เคมีภัณฑ์และการปนเปื้อนสารเคมีจากการล้างผักและผลไม้เพื่อการส่งออก (Value for Money ในรูปของการไม่ถูกตีคืนสินค้า)
-สร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหาร (Value for Money ในรูปของการเกิดธุรกิจใหม่ที่ใช้ทรัพยากรจากภาคเกษตร ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ)
สรุป : งบประมาณที่ใช้ไปทั้งสิ้น 1,700.000.00 บาท สามารถสร้าง Value for Money ในรูปของการไม่ถูกปฏิเสธหรือตีคืนสินค้าและมีโอกาสเกิดธุรกิจใหม่ที่ใช้ตำหรับภูมิปัญญาไทยสร้างผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อทดแทนสารเคมีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เกี่ยวเนื่องต่อการใช้ทรัพยากรจากภาคเกษตรในระดับ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงมีมูลค่าสูงกว่าการลงทุนในโครงการฯ
- ถ่ายทอดวิธีการตรวจคัดเลือกพันธุ์ลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) แก่โรงเพาะพันธุ์ลูกกุ้งและบ่อเพาะเลี้ยงกุ้งรวม 5 ราย
ผลลัพธ์ : มีกระบวนการตรวจคุณภาพและความสมบูรณ์ของลูกกุ้งที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- อัตราการเจริญเติบโตจาก นน.เฉลี่ยและความสม่ำเสมอขนาดกุ้งที่เลี้ยงดีกว่า
- ลดระยะเวลาที่ใช้ในการเลี้ยงในแต่ละรอบได้มากกว่า 20 วัน (การเลี้ยงกุ้งได้ขนาด 38 ตัว/กก. ที่ผ่านกระบวนการตรวจแบบ Shimp Biotech ใช้เวลาเลี้ยงเฉลี่ย 130 วัน และที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจแบบ Shimp Biotech ใช้เวลาเลี้ยงเฉลี่ย 150-180 วัน)
สรุป : การถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพ "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) ได้รับงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 850,000.00 บาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปของการลดระยะเวลาในการเลี้ยงได้ไม่น้อยกว่า 20 วัน ส่งผลให้
- ลดต้นทุนการให้อาหารลดลง (ราคาอาหาร x จำนวน กก. x 20 วัน x จำนวนบ่อเลี้ยง = Value for Money)
- ลดค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการปรับคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงลง ( กำลังไฟฟ้า x ราคาต่อหน่วย x เวลา = Value for Money) ผลการดำเนินงานโครงการเปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่ได้รับจากการคำนวณข้างต้นจึงมีความคุ้มค่ากว่า
- ถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำนวน 10 ราย ในเรื่อง
- การประยุกต์ใช้อนุภาคแคปซูลบรรจุสารสกัดจากรำข้าว
- การใช้ซิงก์ออกไซด์ตกแต่งสำเร็จบนสิ่งทอ MULTI FUNCTION FABRIC
- การใช้สารไคโตซานเพื่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และตกแต่งผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
- การพัฒนาเส้นด้ายปรับอุณหภูมิและมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของ Bacterial
ผลลัพธ์ : กลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ และ 3 ใน 10 รายที่เข้าร่วมโครงการ มองเห็นช่องทางและโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและเริ่มดำเนินการขยายการลงทุน
สรุป : การถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับเงินงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,700,000.00 บาท กิจกรรมมีผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านการมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและเริ่มขยายการลงทุนในวงเงิน 3,100,000.00 บาท ซึ่งมากกว่างบประมาณที่ดำเนินการ
อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New Wave Industry) เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมดังกล่าวได้อาศัยฐานความรู้ที่สำคัญมาจากเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีทั้ง 2 สาขายังได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลายแขนงในหลายสาขาอุตสาหกรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ทางพาณิชย์อย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปได้มีการลงทุนจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี ทำให้เทคโนโลยีทั้ง 2 สาขาเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของภาคอุตสาหกรรม ในปัจจุบันเทคโนโลยีทั้ง 2 สาขา เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ และตระหนักถึงผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก
สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีในการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ตลอดจนการเกิดธุรกิจใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีนี้เป็นฐาน และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในบางอุตสาหกรรม สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายจึงได้จัดทำโครงการนี้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดังกล่าว โดยครอบคลุมถึงธุรกิจที่มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ในอุตสาหกรรมหรือสาขาเศรษฐกิจ เช่น เกษตร อาหาร สิ่งทอ ยานยนต์ การแพทย์และสาธารณสุข เวชสำอาง พลังงานและสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ เครื่องมือตรวจวิเคราะห์ เป็นต้น ตลอดจนธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรม
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจ ให้สามารถตัดสินใจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ตามความเหมาะสมและสอดคล้องสภาวการณ์ของวิสาหกิจ
2.2 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่วิสาหกิจในด้านเทคโนโลยี การจัดการเทคโนโลยี การจัดการและวางแผนธุรกิจ การตลาดและการเงิน เพื่อให้สามารถพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ
2.3 เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจในการพัฒนาเครือข่ายและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและเทคโนโลยี
2.4 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการทำงานเชิงบูรณการระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่เป็นระบบ
สอดรับกัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
3. กลุ่มเป้าหมาย
วิสาหกิจอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาและลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและธุรกิจนวัตกรรม
การดำเนินงาน : โครงการปรึกษาแนะนำเชิงลึกและถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อนำไปปฏิบัติเชิงพาณิชย์
1. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดทำแผนปฏิบัติการฯ จากการจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยการนำนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ พัฒนาประสิทธิภาพและผลิตภาพของSMEs โดยได้นำผลการศึกษาอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป นวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหารและนาโนเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอมาจัดทำแผนดำเนินการเนื่องจากอุตสาหกรรมกุ้งและสิ่งทอเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท และเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูง
2.จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ กลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้เสีย ได้สรุปข้อเสนอแนะ / ความคิดเห็นที่ได้มาจากการรับฟังฯนำมาใช้ในการปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการ ในปีงบประมาณ 2551 และได้ทำแผนงาน โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยีและปรึกษาแนะนำเชิงลึกเพื่อใช้เชิงพาณิชย์ โดยเทคโนโลยีชีวภาพใช้ในอุตสาหกรรมการคัดเลือกลูกพันธ์กุ้งและนวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหาร นาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
3. จากแผนปฏิบัติการ ในปีงบประมาณ 2551 ได้รับความเห็นชอบจากผู้มีอำนาจพิจารณา ในวงเงิน 3,600,000.00 บาท (สามล้านหกแสนบาทถ้วน) ให้ดำเนินกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพและปรึกษาแนะนำเชิงลึกการตรวจคุณภาพลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination)ในอุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป จำนวนไม่น้อยกว่า 5 ราย ถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพและปรึกษาแนะนำเชิงลึกสู่นวัตกรรมสมุนไพรในอุตสาหกรรมอาหาร จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ราย และถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีและปรึกษาแนะนำเชิงลึกในอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ราย
4. ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยีและให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่วิสาหกิจ
- ถ่ายทอดการใช้สารสกัดออกฤทธิ์จากตำหรับสมุนไพรต้านเชื้อแบคทีเรียเพื่อใช้ทดแทนสารเคมีแก่อุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกและอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง ในแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 5 ราย
- ถ่ายทอดวิธีการตรวจคัดเลือกพันธุ์ลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) แก่โรงเพาะพันธุ์ลูกกุ้ง 3 ราย บ่อเพาะเลี้ยงกุ้ง 3 ราย
- ถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ 10 ราย
ผลการดำเนินงานให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกและถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพนาโนเทคโนโลยี :
- ถ่ายทอดวิธีการและการใช้สารสกัดออกฤทธิ์จากตำหรับสมุนไพรต้านเชื้อแบคทีเรียเพื่อใช้ทดแทนสารเคมีแก่อุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกและอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง แก่วิสาหกิจ 10 ราย
ผลลัพธ์ : ลดการใช้เคมีภัณฑ์ในอุตสาหกรรมผักผลไม้ส่งออกในตลาดโดยเฉพาะตลาด EU (Value for Money ในรูปของการลดต้นทุนค่าเคมีภัณฑ์)
- ลดข้อจำกัดการกีดกันทางการค้าในด้านการใช้เคมีภัณฑ์และการปนเปื้อนสารเคมีจากการล้างผักและผลไม้เพื่อการส่งออก (Value for Money ในรูปของการไม่ถูกตีคืนสินค้า)
-สร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมอาหาร (Value for Money ในรูปของการเกิดธุรกิจใหม่ที่ใช้ทรัพยากรจากภาคเกษตร ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ)
สรุป : งบประมาณที่ใช้ไปทั้งสิ้น 1,700.000.00 บาท สามารถสร้าง Value for Money ในรูปของการไม่ถูกปฏิเสธหรือตีคืนสินค้าและมีโอกาสเกิดธุรกิจใหม่ที่ใช้ตำหรับภูมิปัญญาไทยสร้างผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อทดแทนสารเคมีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เกี่ยวเนื่องต่อการใช้ทรัพยากรจากภาคเกษตรในระดับ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงมีมูลค่าสูงกว่าการลงทุนในโครงการฯ
- ถ่ายทอดวิธีการตรวจคัดเลือกพันธุ์ลูกกุ้งโดยวิธี "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) แก่โรงเพาะพันธุ์ลูกกุ้งและบ่อเพาะเลี้ยงกุ้งรวม 5 ราย
ผลลัพธ์ : มีกระบวนการตรวจคุณภาพและความสมบูรณ์ของลูกกุ้งที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- อัตราการเจริญเติบโตจาก นน.เฉลี่ยและความสม่ำเสมอขนาดกุ้งที่เลี้ยงดีกว่า
- ลดระยะเวลาที่ใช้ในการเลี้ยงในแต่ละรอบได้มากกว่า 20 วัน (การเลี้ยงกุ้งได้ขนาด 38 ตัว/กก. ที่ผ่านกระบวนการตรวจแบบ Shimp Biotech ใช้เวลาเลี้ยงเฉลี่ย 130 วัน และที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจแบบ Shimp Biotech ใช้เวลาเลี้ยงเฉลี่ย 150-180 วัน)
สรุป : การถ่ายทอดเทคโนโลยีชีวภาพ "ชริมพ์ไบโอเทค" (Shrimp Biotech PL quality examination) ได้รับงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 850,000.00 บาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปของการลดระยะเวลาในการเลี้ยงได้ไม่น้อยกว่า 20 วัน ส่งผลให้
- ลดต้นทุนการให้อาหารลดลง (ราคาอาหาร x จำนวน กก. x 20 วัน x จำนวนบ่อเลี้ยง = Value for Money)
- ลดค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการปรับคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงลง ( กำลังไฟฟ้า x ราคาต่อหน่วย x เวลา = Value for Money) ผลการดำเนินงานโครงการเปรียบเทียบกับเงินงบประมาณที่ได้รับจากการคำนวณข้างต้นจึงมีความคุ้มค่ากว่า
- ถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำนวน 10 ราย ในเรื่อง
- การประยุกต์ใช้อนุภาคแคปซูลบรรจุสารสกัดจากรำข้าว
- การใช้ซิงก์ออกไซด์ตกแต่งสำเร็จบนสิ่งทอ MULTI FUNCTION FABRIC
- การใช้สารไคโตซานเพื่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และตกแต่งผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
- การพัฒนาเส้นด้ายปรับอุณหภูมิและมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของ Bacterial
ผลลัพธ์ : กลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ และ 3 ใน 10 รายที่เข้าร่วมโครงการ มองเห็นช่องทางและโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและเริ่มดำเนินการขยายการลงทุน
สรุป : การถ่ายทอดนาโนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับเงินงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,700,000.00 บาท กิจกรรมมีผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านการมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและเริ่มขยายการลงทุนในวงเงิน 3,100,000.00 บาท ซึ่งมากกว่างบประมาณที่ดำเนินการ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)