หลักการและเหตุผลของการจัดทำฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตร
จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(2553) ที่ทำการประมาณการ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามคู่มือการจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ
IPCC
ฉบับปรับปรุง ปี ค.ศ. 1996 (The
Revised 1996 IPCC Guideline for National Greenhouse Gas
Inventories) พบว่าภาคเกษตรของไทยที่มีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับสองรองจากภาค
พลังงาน โดยในปี พ.ศ. 2553 ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 229
ล้านตันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ในจำนวนนี้เป็นการปล่อยจากภาคเกษตรประมาณ 52
ล้านตันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นร้อยละ 23
ซึ่งเป็นสัดส่วนการปล่อยก๊าซที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตรของโลกซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ
14 ก๊าซหลักที่ปล่อยในภาคเกษตรคือ ก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์
ซึ่งมีแหล่งปล่อยที่สำคัญได้แก่
การหมักในระบบย่อยอาหารสัตว์ (Enteric fermentation) การจัดการมูลสัตว์ (Manure
management) นาข้าว (Rice
paddy) ดินที่ใช้ในการเกษตร
(Agriculture soil) และกลุ่มการเผาเศษวัสดุการเกษตรในที่โล่ง
(Open Burning) นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มปริมาณปัจจัยการผลิตและการเพิ่มของผลผลิต
เช่นปุ๋ยและกำลังการผลิต ปริมาณปศุสัตว์ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของอาหาร โดยภาคเกษตรเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ในปี
พ.ศ.2552 ภาคเกษตรมีค่า จีดีพี
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.4 ของ
จีดีพีรวม และสัดส่วนแรงงานในภาคเกษตรคิดเป็นร้อยละ 43 ของแรงงานทั้งประเทศ
นอกจากนี้ผลผลิตจากภาคเกษตรยังเป็นวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆในประเทศเป็นจำนวนมาก
จากแรงกดดันที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร
ประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรได้นำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ
โดยเริ่มนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon
footprint) ฉลากคาร์บอน (Carbon
label) ประเทศไทยที่เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรระดับต้นๆ
ของโลกจึงต้องเตรียมการปรับตัวเพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว
ด้วยนโยบายและมาตรการดังกล่าว
จำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
ซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรในปัจจุบันมีไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายสินค้าที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจและให้ข้อมูลก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรมีความทันสมัย
จึงควรจัดเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมรับการปรับคำนวณข้อมูลก๊าซเรือนกระจกตาม 2006 IPCC
Guideline ซึ่งเป็นคู่มือใหม่ที่มีความละเอียดสามารถสะท้อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรไทยได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
การเตรียมความพร้อมและการจัดทำฐานข้อมูลจึงมีความสำคัญย่างยิ่งทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตร
ฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตร
นำเสนอผลการศึกษาที่ได้ทบทวนวิธีการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรตามคู่มือการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฉบับใหม่
(2006 IPCC
Guideline) และจัดทำฐานข้อมูลที่เป็น web-based วิธีการคำนวณ ผลการคำนวณ
และการเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ในกลุ่มปศุสัตว์ พื้นที่ และอื่นๆ โดยจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปรับให้อยู่ในหน่วยของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ในรายสินค้าภาคเกษตรตัวที่สำคัญๆ เช่น
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อกิโลกรัมข้าวเปลือก อยู่ที่ 1-3 KgCO2e/kg grain ยางพารา 200 gCO2e/kg น้ำยาง
อ้อย 30 KgCO2e/ตันอ้อย หัวมันสด 30 KgCO2e/kg grain ข้าวโพด 200-300 KgCO2e/ตันข้าวโพด ไข่ 30-35 gCO2e/ฟอง กุ้งขาวแวนนามัย 13.6 KgCO2e/กุ้ง 1 kg ทั้งนี้บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ได้จัดทำเป็นเว็บไซด์เสนอต่อสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น