วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แนวทางการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทย มองใกลไปอีก 20 ปี โจทย์ก็คือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางและการแปรรููปยางให้เพิ่มจาก ร้อยละ 13 ขึ้นไป โดยใช้การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบ 4 G เข้ามาใช้ แนวทางนี้จะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แน่นอน

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

การพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน


การประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “การพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน”   
 โดยมี   ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ : นางนุชนารถ  กังพิสดาร (ข้าราชการบำนาญ  อดีตผู้ 
             เชี่ยวชาญกรมวิชาการเกษตร )   
             ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ โดยนายสุเทพ  เตชานุรักษ์  (รองนายกสมาคมน้ำยางข้นไทย)  
             ผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ โดยนายบุญหาร  อู่อุดมยิ่ง (ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)  
             และ ดร. วีรศักดิ์  สมิทธิพงศ์  เป็นผู้ดำเนินการประชุมสรุปการพัฒนาโจทย์วิจัยและแนวทางการทำวิจัยยางพาราที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้
       กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ ตั้งโจทย์การวิจัยในเรื่องการลดต้นทุน (เรื่องพันธุ์   ปุ๋ย  พื้นที่ปลูก)  เรื่องวัสดุปลูก   เรื่องโรคทางราก  เรื่องการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและการพัฒนาพืชแซมยาง)
      กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้ตั้งโจทย์วิจัยในเรื่อง การพัฒนายุทธศาสตร์น้ำยางพารา   เรื่องอุตสาหกรรมสีเขียว/ลดสารเคมี   เรื่องสารสกัดจากธรรมชาติที่นำมาแทนที่สาร TMTD  และเรื่องยางธรรมชาติลดความหนาแน่น
      กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำได้วางแนวทางไว้เป็น 3 เรื่องหลัก คือ  1. Productivity and Economy   2. Green Industry,  Safety, Standard, Regulation และ 3.เรื่องเกี่ยวกับระบบ Automation และ Change   โดยมีโจทย์วิจัยที่สำคัญ เช่น การทำยางผสมสำเร็จรูป (Master Batch)  การวิจัยด้าน  Automation เพื่อช่วยกระบวนการผลิต   การทำยางล้อฝัง Ship  และพัฒนาล้อยางมาตรฐาน R117  (ยางล้อตามมาตรฐานยุโรป ที่กำหนดความฝืด  เสียงที่สัมผัส และการยึดเกาะถนน)  นอกจากนั้นยังได้วางโจทย์ให้ยางล้อที่ผลิตโดยคนไทยใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดและผ่านมาตรฐาน R117 ด้วย

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

การอภิปรายเรื่อง “การวิจัยและการต่อยอดงานวิจัยยางพาราเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันด้านอุปทานสูง”  โดยมีผู้ร่วมอภิปราย กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ     นายอุทัย  สอนหลักทรัพย์ (ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย)   กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ  นายสมจิตต์  ศิขรินมาศ  (ผอ. ตลาดกลางยางพารา จ. สุราษฎร์ธานี)  และกลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ  ผศ.ดร. กฤษฎา  สุชีวะ (มหาวิทยาลัยมหิดล)   โดยมีนายสมมาต  แสงประดับ  เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย สรุปได้ดังนี้
        กลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ นำเสนอโจทย์งานวิจัยต้องการให้เกิดศูนย์ต้นแบบแปรรูปยางพาราในวิสาหกิจชุมชน  ต้องการการศึกษาและวิจัยโดยวางโจทย์การวิจัยการตลาดให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและราษฎร
        กลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำ อภิปรายเน้นในเรื่องของการตอบโจทย์ข้อมูลเชิงสำรวจ  พื้นที่การปลูก  ต้นทุนการผลิต  ปริมาณการผลิต  โดยใช้ข้อมูลเพื่อบูรณาการร่วมกันวางแผนในอนาคต และอภิปรายการวิจัยเชิงสำรวจปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เพื่อให้การออกนโยบายภาครัฐมีผลการวิจัยรองรับ
        กลุ่มอุตสาหกรรมปลายน้ำ ได้อภิปรายให้โจทย์เพื่อมุ่งเป้าการวิจัยในมิติการผลิตผลิตภัณฑ์ยางที่มีความสัมพันธ์กับเวลาและการตลาด เน้นการวิจัยจะให้เกิดผลต้องให้เอกชนและนักวิจัยทำงานร่วมกัน

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

การศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยรวมถึงประเทศคู่แข่งตลอดถึงสถานการณ์การแข่งขันทางด้านอุปทานสูง

การประชุมระดมความคิดเพื่อสัมฤทธิ์ผลในการต่อยอดงานวิจัยยางพารา      
        และการใช้ประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การแข่งขันด้านอุปทานสูง เรื่องสรุปผลการศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยรวมถึงประเทศคู่แข่งตลอดถึงสถานการณ์การแข่งขันทางด้านอุปทานสูง
         กลไกพื้นฐานราคายางและแนวโน้มราคาภายใต้สถานการณ์อุปทานส่วนเกิน โดยสถานการณ์ยางพาราโลก ในช่วงปี พ.ศ. 2537-2558 มีความผันผวนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อราคายางพารา เช่น การปรับค่าเงินบาทเมื่อ 2 ก.ค. 40  การล้มเลิก INTRO เมื่อ 13 ต.ค. 2542   การตั้ง TRC เมื่อ 12 ธ.ค. 2544   การยกเลิกโครงการแทรกแซงราคายาง เมื่อ 5 ธ.ค. 2545   การตั้ง IRCo  เมื่อ 28 เม.ย. 2547    ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 53.04 U$$/บาร์เรล     เมื่อ 5 เม.ย. 2548   และโครงการมูลภัณฑ์กันชน ก.ย. 2557-มี.ค. 2558
         การผลิตและการใช้ยาง NR (Natural Rubber) กับ SR (Synthetic Rubber) และ สต็อกยางพารา การวิเคราะห์สถานการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทย ได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมยาง โดยวิเคราะห์อุุตสาหกรรมยางต้นน้ำ ในเรื่องของพันธุ์ยาง RRTI 251 (2542)   RRTI 408 (2555)   ระบบการตรวจรับรองพันธุ์ยาง   วัสดุปลูก   ระบบการกรีด   การใช้วิธีเจาะยางกับยางอายุก่อนโค่นและการปลูกพืชแซมยาง   วิเคราะห์อุตสาหกรรมยางกลางน้ำ  เรื่องระบบการตรวจรับรองคุณภาพยางแผ่นรมควันของสถาบันเกษตรกรและเอกชน  เรื่องการพัฒนาระบบการตลาด เช่นตลาดต่างประเทศ ให้กลุ่มเกษตรกร-เอกชน ต้องมีมาตรฐานยางแผ่นรมควันตามมาตรฐาน GMP ภายในปี พ.ศ. 2545  จึงจะส่งออกได้  ตลาดในประเทศ  เสนอให้เร่งสร้างเครือข่ายตลาดกลางยางพาราเพิ่มจากตลาดกลางหาดใหญ่ อีก 6 ตลาด ทั้งในพื้นที่ภาคใต้  ภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ  เรื่องโรงอบแห้งยางดิบ และเรื่องระบบไมโครคอนโทรเลอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำยางสดและเปอร์เซ็นต์ความชื้นในยางแผ่นและยางแท่ง และวิเคราะห์อุตสาหกรรมยางปลายน้ำ ในเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่นยางธรรมชาติเทอร์โมพลาสติก ไออาร์พีซี POLIMAXX GREEN ABS  ยางธรรมชาติไบโอพลาสติก PLA  ยางธรรมชาติคุณสมบัติพิเศษ (ทดแทนยางสังเคราะห์) ทนร้อน น้ำมัน สิ่งแวดล้อม Nano Technology  น้ำยางโปรตีนต่ำและ non-rubber  ในเรื่องผลิตภัณฑ์เดิม ได้แก่  ยางล้อ Bias-Radial-ประหยัดพลังงาน   ถุงมือยางซึ่งประเทศไทยเน้นการผลิตถุงมือตรวจโรค (ถุงมือราคาถูก) คู่แข่งประเทศมาเลเซียผลิตถุงมือผ่าตัด (ถุงมือราคาแพง)  เส้นด้ายยางยืดซึ่งประเทศไทยผลิตได้เป็นอันดับ 1  ถุงยางอนามัยซึ่งผลิตได้เป็นอันดับ 1 (เป็นบริษัทจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย) นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ยางใช้งานในเชิงวิศวกรรม/อุตสาหกรรม เช่น ท่อยาง/สายยาง สายพานยาง ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรองคอสะพาน ยางกันกระแทก ยางกันแผ่นดินไหว ยางผสมยางมะตอย ยางรองรางรถไฟ ยางปูบ่อ ฝายยาง ฯลฯ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)

การประชุม “การพัฒนาต่อยอดและนำลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ (ครั้งที่ 2)” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ – 16.00 น.  ณ ห้องพาโนรามา 2  ชั้น 14  โรงแรมดิเอมเมอรัล  ถนนรัชดา กรุงเทพฯ  สรุปสาระสำคัญของการสัมมนาได้ดังนี้
1. การประชุมครั้งนี้ จัดโดยสำนักประสานงานชุดโครงการยางพารา โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคอุตสาหกรรม นักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณานำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์หรือวิจัยต่อยอดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์   ประกอบด้วยนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมยางพาราจากภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
2. การประชุมครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 6 ช่วง สามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “พอลิเมอร์จากยางธรรมชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทางเภสัชกรรม”  โดย ผศ.ดร.ภก. วิวัฒน์  พิชญากร สรุปได้ดังนี้
                  • การเตรียมระบบซูโดลาเท็กซ์จากยางแท่ง (STR5L) เพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาแนวคิดเป็นความพยายามเปลี่ยนวัตถุดิบยางแท่งหรือแห้งที่มีอยู่ท้องตลาดทั่งไปกลับมาสู่รูปแบบน้ำยางอีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้เป็นระบบนำส่งยาในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งระบบนำส่งยาที่ใช้ทางผิวหนัง ซึ่งมีกระบวนการทำงานวิจัยตั้งแต่การเตรียมเป็นระบบซูโดลาเท็กซ์ ซึ่งใช้ระบบออกานิกโซเว้นมาช่วยและกระจายตัวในน้ำอีกครั้งหนึ่ง และศึกษาพารามิเตอร์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อคุณสมบัติของระบบซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นได้ และได้ทดลองบรรจุยาหลายๆ ชนิดเข้าไปเพื่อดูว่าซูโดลาเท็กซ์ที่เตรียมขึ้นมาเหมาะสมกับยาชนิดไหนบ้าง ซึ่งผลงานวิจัยพบว่าเหมาะสมกับยาบางชนิดเท่านั้น เช่น Indomethacin (ยาต้านอาการอักเสบ), Lidocaine (ยาชา) ผลงานนี้ได้นำเสนอในเวทีการประชุมวิชาการนานาชาติแล้ว 3 ครั้ง และได้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นวิชาการด้วย
2.2 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาหุ่นจำลองทางรังสีรักษาสำหรับฝึกทักษะการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง”  โดย ดร.นันทวัฒน์  อู่ดี (ภาควิชารังสีเทคนิค  คณะสหเวชศาสตร์  มหาวิทยาลัยนเรศวร)
การพัฒนาหุ่นจำลองทรวงอกสำหรับฝึกทักษะวางแผนการรักษามะเร็งเต้านมทางรังสีรักษาและการพัฒนาหุ่นจำลองอุ้งเชิงกรานของการฉายรังสีระยะใกล้สำหรับมะเร็งปากมดลูก โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยสำหรับฝึกทักษะการรักษาให้นิสิต/นักศึกษารังสีเทคนิค แพทย์ พยาบาล ใช้ประเมินค่าปริมาณรังสีก่อนการรักษาจริงในผู้ป่วย  ตรวจสอบปริมาณรังสีก่อนการรักษาผู้ป่วยจริง และลดการสูญเสียจากการให้ปริมาณรังสีที่ผิดพลาด โดยใช้หุ่นจำลองแทนคนไข้ ในช่วงแรกจะใช้หุ่นจำลองเพื่อฝึกทักษะในการปฏิบัติงานจริงแทนผู้ป่วยและประเมินว่าผู้ป่วนได้รับปริมาณรังสีเท่าไรจากการฝึกปฏิบัติฉายรังสีในตำแหน่งนั้น  ช่วงต่อไปจะสร้างหุ่นจำลองเลียนแบบองค์ประกอบภายในของยางพาราเช่นความหนาแน่นให้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงมากที่สุดเพื่อการวางแผนการรักษาโดยให้ปริมาณรังสีการรักษาที่ถูกต้อง ณ.จุดที่ทำการรักษาด้วยหุ่นยางพาราจำลองและประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบเคียงกับมนุษย์จริง การสร้างหุ่นจำลองเพื่อใช้ทางการแพทย์เป็นแนวโน้มที่พัฒนาหุ่นขึ้นใช้ประโยชน์อย่างมากและขยายการใช้งานไปทั่วประเทศ
2.3 การนำเสนอการใช้ประโยชน์แผนงานวิจัยเรื่อง “ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง”  โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์            คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยาง เป็นการติดตาม/ควบคุมการวัลคาไนซ์ของยางในระหว่างการอัดเบ้าประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ (cost/robustness) ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นสร้างระบบหรือเครื่องมือวัดที่สามารถติดตามวัดข้อมูลจากเบ้าที่ได้  ส่งข้อมูลไปควบคุมได้  และวัดข้อมูลระหว่างกระบวนการอัดเบ้าได้(Real time data in processes) ซึ่งใช้ในภาคอุตสาหกรรมยางพาราได้และถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับระบบการวัดค่าตัวแปรระหว่างกระบวนการวับคาไนซ์ (เป็นกระบวนการเชื่อมโยงโมเลกุลยางแต่ละโมเลกุลผ่านพันธะโควาเลนต์ให้เกิดเป็นโครงสร้างตาข่าย) ซึ่งการทำงานวิจัยมีข้อจำกัดในการวัดค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานเนื่องจากต้องตัด หรือสุ่มตัวอย่างจากชิ้นงานเพื่อนำมาเข้าเครื่องวัดหาคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งค่าพารามิเตอร์ของชิ้นงานมีความแตกต่างของสภาวะของเบ้าจริงและเครื่อง ODR/MDR  ความแปรปรวนของยางในแต่ละแบช หรือ ในแต่ละตำแหน่งในแบชเดียวกัน  ความแปรปรวนของสภาวะของเบ้าจริง เช่น อุณหภูมิเบ้า การถ่ายเทความร้อนจากเบ้าสู่ยาง ระบบต้นแบบในการใช้สมบัติเชิงไฟฟ้าในการควบคุมการขึ้นรูปยางจึงมีโอกาสสูงสามารถต่อยอดเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้
2.4 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “โครงการพัฒนายางธรรมชาติให้มีความหนืดมูนนี่ต่ำและคงที่ปริมาณไนโตรเจนและปริมาณเจลต่ำในระดับอุตสาหกรรม”  โดย ผศ.ดร.อรสา  ภัทรไพบูลย์ชัย (สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ฯ  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)
การทำวิจัย เพื่อศึกษาหาวิธีผลิตยางธรรมชาติให้ได้สมบัติตามข้อกำหนดของยางแท่งเกรดใหม่ (LoV) ในมาตรฐานยางแท่งไอเอสโอ (ISO 2000 – Guidelines for the specification of technically specified rubber (TSR)) ในระดับอุตสาหกรรม  ซึ่งมาตรฐานยางแท่ง (LoV) คุณสมบัติของยางคือ  ความหนืดมูนนี่ , ML 1+4 (100  องศาC    55±10    ปริมาณไนโตรเจน ร้อยละไม่เกิน 0.3  ปริมาณเจลต่ำ ร้อยละไม่เกิน 4.0  ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8  จากการศึกษาและเตรียมยางทดลองผลการดำเนินการที่ได้  พบว่าปริมาณไนโตรเจน ไม่เกินร้อยละ 0.3   ปริมาณเจล ไม่เกินร้อยละ 4.0  ความหนืดมูนนี่ ML 1+4 (100  องศาC ) = 55±10    ปริมาณสิ่งสกปรก ร้อยละ 0.05   ปริมาณเถ้า ร้อยละ 0.5  และสิ่งที่ระเหย ร้อยละ 0.8   ซึ่งปริมาณเจล(ไนโตรเจนรูปหนึ่ง)เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสี กลิ่น  และพลังงานที่ใช้ในการผสมยางคอมเปานด์ต่ำ (ลดพลังงานในการผสมยางได้มาก)ยางคุณภาพพิเศษมีปริมาณเจลที่ต่ำ ซึ่งปริมาณเจลที่ต่ำจะมีข้อดีในเรื่อง  ความหนืดคงที่   พลังงานในการผสมต่ำ   อัตราการวัลคาไนซ์เร็ว   % Elongation at break สูง   heat build up ต่ำ    % Compression set ต่ำา   ความต้านทานต่อการขยายรอยแตกดีกว่า กล่าวคือเกิดรอยแตกต่ำ    wet skid สูง   rolling resistance ต่ำ – นอกจากนั้นค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 300%Modulus, Tensile, Tear, Abrasion Loss ไม่แตกต่างจากยาง STR50CV  การใช้ประโยชน์จากผลงานนี้
                ยางไร้สี ไร้กลิ่น            ยางเจลต่ำ
  -อุปกรณ์ทางการแพทย์                  - ยางล้อรถยนต์
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการแพ้โปรตีน
  - อุปกรณ์การกีฬา
  - ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสีสัน
  2.5 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการเรื่อง  “การพัฒนาน้ำยางพรีวัลคาไนซ์สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง” โดย ผศ. ดร.ณัฐพงศ์  นิธิอุทัย   (ภาควิชาเทคโนโลยียางและพอลีเมอร์  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี)
น้ำยางพรีวัลคาไนซ์ (น้ำยางเอนกประสงค์) สำหรับงานหล่อแบบขั้นสูง สมบัติเบื้องต้นของน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในประเทศมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาก โดยทีมงานวิจัยได้เตรียมน้ำยางเอนกประสงค์ให้มีคุณสมบัติแยกให้เหมาะสมกับเทคนิคการขึ้นรูปในลักษณะงาน Cast   Spray   Brush  และงาน  Dip  ตัวอย่างน้ำยางพรีวัลคาไนซ์ที่ต่อยอดเป็นงานออกสู่เชิงพาณิชย์ได้คือการทำแม่แบบเพื่อหล่อหินปูพื้นตกแต่ง การทำสีเอนกประสงค์จากน้ำยางพาราเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ
2.6 การนำเสนอการใช้ประโยชน์โครงการ “การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรีสำหรับตรวจหาปริมาณฟอตเฟตในน้ำยาง” โดย ผศ.ดร.ปิยพร  ศรีสม  (มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย)
การพัฒนาวิธีโพเทนชิโอเมทรี (วิธีวิเคราะห์หาปริมาณฟอสเฟตแบบจุ่มวัด) ที่ให้ผลถูกต้องแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาถูก สำหรับหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยาง (ฟอสเพต  มีสมบัติไปทำให้ความเสถียรเชิงกลของน้ำยางลดลงในตอนที่เอาน้ำยางไปขึ้นรูปในกระบวนการ Dipping)
การหาปริมาณฟอสเฟตในน้ำยางด้วยวิธีโพเทนชิโอเมทรีอาศัยหลักการไทเทรตแบบตกตะกอนระหว่างฟอสเฟตไอออนกับซิลเวอร์ไอออนที่ใช้เป็นสารมาตรฐานไทแทรนท์ โดยควบคุม pH ของสารละลายตัวอย่างให้มีค่าเท่ากับ 8.0 ด้วย Borate buffer และติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าศักย์ไฟฟ้าของสารละลายระหว่างการไทเทรตด้วยอิเล็กโทรด Ag+ - ISE วิธีการที่ได้พัฒนาขึ้นถือได้ว่ามีความแม่นยำ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับวิธีคัลเลอริเมทรี อย่างไรก็ตามวิธี โพเทนชิโอเมทรีที่ได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถใช้ได้ผลดีกับตัวอย่างน้ำยางสดเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับตัวอย่างน้ำยางข้นได้

ส่วนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 2  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม